|
สมองของมนุษย์มีแนวโน้มเชื่อมโยง “สี” กับ “อารมณ์” และ “สภาพแวดล้อม”
สีฟ้าหรือสีน้ำเงินมักเชื่อมโยงกับ:
ความสงบ
ความเย็น
ความสะอาด
บางครั้งคือ “พิษ” หรือ “ไม่ปลอดภัย” (ในธรรมชาติ)
อาหารตามธรรมชาติ แทบไม่มีสีน้ำเงิน (ยกเว้นบลูเบอร์รี่, แบล็กเคอร์แรนท์ ฯลฯ ที่ก็น้ำเงินอมม่วง ไม่ใช่น้ำเงินจริงจ๋า)
สมองจึงไม่มี “ประสบการณ์เชิงวิวัฒนาการ” ว่าสีน้ำเงินคืออาหาร → ไม่กระตุ้นความอยาก
สัญชาตญาณวิวัฒนาการ = “สีประหลาดไม่ควรกิน”
ห้องอาหารที่ตกแต่งด้วยสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน → ผู้ร่วมทดลอง กินน้อยลงโดยไม่รู้ตัว
จานสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน → ทำให้ อาหารดูไม่น่ากิน กว่าจานสีขาว, แดง หรือเหลือง
อาหารที่ “ย้อมสีฟ้า” เช่น สเต๊กฟ้าหรือขนมปังฟ้า → หลายคนถึงกับ รู้สึกไม่อยากกินเลย
ผลการทดลองในปี 2007 (Journal of Hospitality & Tourism Research): ห้องที่มีไฟสีน้ำเงินทำให้ผู้ทดลอง “รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น” และ “กินช้าลง”
งานวิจัยด้านจิตวิทยาสี พบว่า:
สีแดง = กระตุ้นพลังงาน ความหิว (ถูกใช้ในโลโก้ร้านอาหารบ่อย)
สีเหลือง = เพิ่มอารมณ์ดี → อยากกิน
สีฟ้า = ทำให้ใจเย็นลง → ลดการกระตุ้นการกิน
เทคนิค | ผล |
---|---|
ใช้ จานสีน้ำเงิน | อาจช่วยให้กินช้าลงและอิ่มเร็วขึ้น |
แสงไฟห้องกินข้าวเป็นโทนเย็น | บรรยากาศเย็นสงบ → ไม่กระตุ้นการกินมาก |
หลีกเลี่ยงสีแดง/ส้ม/เหลืองถ้าควบคุมอาหาร | เพราะสีพวกนี้กระตุ้นความหิวโดยไม่รู้ตัว |
❗ ข้อแม้สำคัญ:📌 เคล็ดลับ: ถ้ากำลังไดเอต → ลองเปลี่ยนจานหรือพื้นที่กินอาหารให้มี “โทนสีฟ้า-น้ำเงิน” อาจช่วยได้
ไม่ใช่ว่าสีน้ำเงิน “ลดน้ำหนักได้เอง” → มันช่วยแค่ ลดแรงกระตุ้นทางจิตใจ
ผลขึ้นอยู่กับ แต่ละคน และความคุ้นเคยกับสี
ถ้าคุณชอบขนมฟ้าๆ อยู่แล้ว (เช่น บลูเบอร์รีชีสเค้ก) ก็อาจจะไม่มีผล
สีน้ำเงินไม่กระตุ้นความอยากอาหาร เพราะไม่มีสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติที่ปลอดภัยและอร่อยเป็นสีน้ำเงิน → สมองไม่จดจำว่า “น่ากิน”
ถูกใช้ในจานหรือบรรยากาศเพื่อ ช่วยลดการกินเกิน
ได้ผลในเชิง จิตวิทยา ไม่ใช่ชีววิทยาโดยตรง