คำแนะนำวิธีจัดสรรค่าเบี้ยประกันชีวิตให้ลงตัวกันดีกว่า

  ถึงแม้ว่าข้อดีจากการทำประกันชีวิตจะเป็นเรื่องที่ดีเยี่ยมต่อผู้ซื้อหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์แบบอุ่นใจได้ เกิดความมั่นใจต่อการใช้ชีวิตไร้กังวลหรือช่วยเซฟตี้ตัวเองยามเหตุฉุกเฉินร้ายแรง แต่ทว่าสิ่งที่ตามมาเป็นภาระรับผิดชอบที่ผู้ซื้อประกันแต่ละคน ควรให้ความสำคัญด้วยเสมอทุกปีนั่นคือ การเช็คค่าเบี้ยประกันชีวิตแต่ละปีให้ลงตัว  เนื่องจากเบี้ยประกันชีวิตจัดเป็นค่าใช้จ่ายต่อเนื่องที่ผู้ซื้อประกันต้องจ่ายทุกปีตราบใดที่ทำประกันชีวิตอยู่นอกจากนี้ยังเป็นค่าใช้จ่ายที่ควรได้รับการจัดสรรให้เป็นระบบโดยเฉพาะผู้ซื้อประกันที่เลือกประกันชีวิตไว้หลายฉบับ ทั้งทำประกันให้ตัวเองทำให้กับคู่สมรส หรือทำประกันให้กับลูก ส่งผลให้มีค่าเบี้ยประกันชีวิตแต่ละฉบับสะสมต่อเนื่องถ้าไม่จัดสรรให้รอบคอบอาจเกิดปัญหาทางการเงินต่อครอบครัวขึ้นมาได้

  ดังนั้นผู้ซื้อประกันจึงต้องจัดสรรเบี้ยประกันชีวิตของครอบครัวตัวเองให้เพียงพอเหมาะสมที่สุด เช่น
จำนวนประกันชีวิตที่ทำกรมธรรม์สูงสุด ถ้าเป็นครอบครัวเดี่ยว อาจมีประกันไม่ต้องเยอะมาก 1-2 ฉบับก็พอ แต่ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่หรือมีญาติเยอะที่บ้าน อาจทำประกันชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น3-4 ฉบับก็ได้แต่ทั้งนี้ต้องให้อยู่ตามความเหมาะสมด้านการเงินภายในบ้านด้วย

ควรเลือกช่วงเวลาที่ซื้อประกันให้เหมาะสม ถือเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้ล่วงหน้าอีกทั้งรู้ถึงช่วงเวลาที่ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่จะมาถึงนั่นเองโดยส่วนตัวแล้วแนะนำให้คุณเลือกซื้อประกันชีวิตในช่วงต้นปีไม่ว่าจะซื้อประกันชีวิตกี่ฉบับก็ตาม เพื่อที่คุณและครอบครัวจะได้มีเวลาเตรียมเงินจ่ายค่าเบี้ยประกันได้ลงตัวทุกปีไม่ขัดสนเรื่องเงินไปซะก่อน

สิ่งที่ควรระวัง:  คือการซื้อประกันชีวิตในช่วงเวลาที่ไม่ต่อเนื่องกัน / คนละช่วงเวลา เช่นซื้อประกันชีวิตช่วงต้นปี และมาซื้อประกันต่อในช่วงกลางปีเดียวกันเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้คุณไม่สามารถหมุนเงินค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันได้ทันนั่นเอง

ควรคำนึงถึงค่าเบี้ยประกันชีวิตในแต่ละปี สำหรับคนมีครอบครัวแล้ว ไม่ควรจ่ายค่าเบี้ยประกันเกิน 10-15% ของรายได้ต่อปี ส่วนคนที่ยังโสดอยู่ก็ไม่ควรจ่ายค่าเบี้ยประกันเกิน 15-20% ของรายได้ต่อปีครับ

ที่สำคัญถ้าคุณได้เลือกประกันชีวิตอย่างฉลาด+จัดสรรให้ลงตัวกับตัวเอง เราเชื่อว่าคุณจะมีความสุขกับการมีประกันชีวิตแบบแฮปปี้ที่สุด อีกทั้งไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องค่าใช้จ่ายในภายหลังนั่นเอง

Thank you very much.