เช็คอินสะสม: 4770 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 6 วัน

1370

กระทู้

2 หมื่น

โพสต์

34 หมื่น

เครดิต

Level.27

Rank: 27Rank: 27Rank: 27Rank: 27Rank: 27Rank: 27Rank: 27Rank: 27

เครดิต
347979

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 48%



ภรรยาของคนไข้เล่าให้ผมฟังว่า สังเกตเห็นสามีซึ่งป่วยเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ทานยาหลายชนิด แล้วปัสสาวะเป็นสีเข้ม จึงมาถามว่าเกิดจากยาลดไขมันกลุ่มสเตติน (Statin) หรือไม่ แล้วจะเป็นอันตรายอย่างไร...


ความรู้เกี่ยวกับเรื่องยาที่ใช้ในการรักษาโรคหัวใจ

ความเสี่ยงหลักหรือสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ คือ ภาวะไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไขมันคอเลสเตอรอล เพราะเมื่อไขมันชนิดนี้มีปริมาณมากเกินไปก็จะไปเกาะอยู่ตามผนังเส้นเลือดของเรา ทำให้เส้นเลือดมีขนาดเล็กและแคบลง เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้สะดวก และก่อให้เกิดอาการของโรคหัวใจตามมา ซึ่งหนึ่งในแนวทางการรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบก็คือการลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับปกติ หรือต่ำเท่าที่จะต่ำได้ ซึ่งนอกจากจะต้องระวังเรื่องการรับประทานอาหารแล้ว การใช้ยาลดไขมันกลุ่มสเตตินก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะควบคุมรักษาระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดได้

ยาลดไขมันกลุ่มสเตติน นอกจากจะให้ผลในการลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลแล้ว ในปัจจุบันยังมีข้อมูลจากการวิจัยและหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่า ยาลดไขมันกลุ่มสเตตินยังมีผลในการช่วยซ่อมแซมหลอดเลือดให้มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นตัวได้ดี ซึ่งจะช่วยลดอาการกำเริบของโรคหัวใจได้

ยาชนิดนี้ยังคงต้องใช้ด้วยความระวัง เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น

1. ตับอักเสบ พบว่ายาลดไขมันกลุ่มสเตตินนี้อาจทำให้ผลเลือดเอนไซม์ของตับเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยจนถึงสูงมากจนทำให้เกิดภาวะตับอักเสบได้ ดังนั้นเมื่อรับประทานยากลุ่มนี้ไปช่วงเวลาหนึ่ง ก็ควรได้รับการตรวจเลือดเพื่อดูผลกระทบที่อาจจะมีต่อตับได้

2. อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ/กล้ามเนื้อสลายตัว เป็นอาการข้างเคียงที่พบได้บ้าง โดยผู้ที่รับประทานยากลุ่มนี้อาจมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเล็กน้อยได้บ้างในช่วงแรกของการรับประทานยา โดยกล้ามเนื้อน่องจะเป็นตำแหน่งที่พบอาการปวดได้บ่อยที่สุด แต่หากผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อนี้มีความรุนแรงมาก ก็อาจจะทำให้กล้ามเนื้อตายและเกิดการสลายตัวได้(Rhabdomyolysis) ซึ่งถือว่าเป็นภาวะที่มีอันตรายมาก เพราะผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียมาก กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดเมื่อยมาก ปัสสาวะสีเข้มคล้ายน้ำปลา (ซึ่งทำให้ภรรยาของผู้ป่วยผมเกิดความวิตก) และอาจถึงขั้นไตวายเฉียบพลันได้

  สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง ก็คือ
ยานี้ควรรับประทานในช่วงเวลาเย็นหรือกลางคืน โดยอาจจะรับประทานยานี้หลังอาหารเย็นหรือก่อนนอนไปเลยก็ได้ เหตุผลที่ต้องรับประทานยาในช่วงเวลาดังกล่าวก็เป็นเพราะว่า กระบวนการการสังเคราะห์ไขมันคอเลสเตอรอลในร่างกายของเราจะเกิดขึ้นมากที่สุดในช่วงเวลากลางคืน ถ้าเรารับประทานยาในช่วงเวลาดังกล่าวย่อมสามารถยับยั้งการสังเคราะห์ไขมันได้ดีที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อการลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลได้มากที่สุดเช่นกัน


การใช้ยาสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจมีความจำเป็นที่จะต้องรู้ถึงวิธีใช้ที่ถูกต้อง รู้ถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น รู้ถึงผลดีผลเสียของตัวยา และที่สำคัญที่สุด จะต้องใส่ใจและพิถีพิถันในการรับประทานยาเพื่อให้ได้ผลดีในการรักษาโรคมากที่สุดโดยที่มีผลเสียหรือภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยาเกิดขึ้นน้อยที่สุด

-ขอบคุณ ที่นี่ , HealthToday

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก

x
กระทู้ตอบกลับ
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน

279ดู2ตอบกลับ

เช็คอินสะสม: 470 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 1 วัน

275

กระทู้

1596

โพสต์

1 หมื่น

เครดิต

Level.12

Rank: 12Rank: 12Rank: 12

เครดิต
13540

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 51%

firstek 2013-7-18 09:28:33
ขอบคุณครับ
เช็คอินสะสม: 1685 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 1 วัน

165

กระทู้

1 หมื่น

โพสต์

12 หมื่น

เครดิต

Level.25

Rank: 25Rank: 25Rank: 25Rank: 25Rank: 25Rank: 25Rank: 25

เครดิต
122463

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 22%

gangk 2013-7-18 13:22:47
ดีมากครับ
ตั้งกระทู้ใหม่
สำหรับคนที่ขี้เกียจพิมพ์
คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อนที่จะตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รายละเอียดเครดิต

Copyright © 2011-2025 Kulasang.net. All Rights Reserved.