ดู: 266|ตอบกลับ: 1

A:เทคนิคเสริม(ผิว)หนุ่มให้หล่อเนี้ยบ!!! เสมอวิธีสร้างหล่อแบบง่ายๆที่หนุ่มไหนก็ทำ

[คัดลอกลิงก์]
Dew
เช็คอินสะสม: 4710 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 51 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 48%

สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก

x
ผิวหล่อ.jpg


ใครว่าผู้หญิงเท่านั้นที่อยากดูดี แต่ผู้ชายสมัยนี้ก็ให้ความสำคัญกับผิวหน้าไม่แพ้กัน เพราะสุขภาพผิวที่ดีสื่อถึงบุคลิกภาพภายนอก ตลอดจนการดูแลเอาใจใส่ตัวเอง ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย และน่ามอง!
ซึ่งต้องยอมรับว่าผิวของผู้ชายมีความแตกต่างจากผู้หญิง เพราะผิวผู้ชายจะมันกว่า เนื่องจากขับไขมันออกมามากกว่า ซึ่งข้อดีคือผิวมีความชุ่มชื้นและเกิดริ้วรอยยากกว่า แต่ข้อเสียคือรูขุมขนกว้าง และเกิดการอุดตันของสิ่งสกปรกได้ง่ายกว่า แต่เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะสูญเสียความกระชับอย่างรวดเร็ว และริ้วรอยจะเห็นเป็นร่องลึกชัดกว่าผู้หญิง ยิ่งมีปัจจัยกระตุ้น ทั้งนิโคตินจากบุหรี่ แอลกอฮอล์ กาเฟอีน ความเครียด แสงแดดจากกิจกรรมกลางแจ้ง หรือการโกนหนวด รวมถึงการขาดความเอาใจใส่ดูแลผิวก็ยิ่งกระตุ้นให้ผิวแก่เร็วขึ้น
ในช่วงวัย 20-30 ปี ควรเน้นการดูแลเรื่องความสะอาดผิวหน้า เลือกโฟมหรือสบู่ที่อ่อนโยน ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เช้า-เย็น สครับผิวอาทิตย์ละครั้ง และใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ แต่ในวัย 30 ปีเป็นต้นไปมักมีปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ รวมถึงคอลลาเจนและอีลาสตินลดลงอย่างรวดเร็ว จึงมีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามมา จึงควรเน้นผลิตภัณฑ์ช่วยลดริ้วรอยเป็นหลัก รวมถึงการทำทรีตเมนต์ก็เป็นตัวช่วยที่ให้ผลรวดเร็ว ซึ่งผิวของผู้ชายไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก มุ่งเน้นการป้องกันและแก้ไขปัญหาหลักๆ ก็น่าจะเพียงพอ ในกรณีที่ผิวหมองคล้ำไม่สดใสและผิวขาดน้ำอันเนื่องมาจากอนุมูลอิสระ เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และดื่มกาแฟ แนะนำให้เติมออกซิเจนและวิตามินให้กับผิว ซึ่งสมัยก่อนต้องใช้การฉีดเข้าสู่ผิวด้วยเข็ม แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีฉีดออกซิเจนและวิตามินโดยไม่พึ่งเข็ม ด้วยการอัดผ่านแรงดันนาโนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 0.2 มิลลิเมตร ซึ่งเล็กกว่าปลายเข็ม วิธีนี้ทำแล้วไม่เจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง ช่วยเติมวิตามินให้กับผิว ช่วยลดอาการผิวขาดน้ำ ชำระล้างสิ่งสกปรกได้ล้ำลึก แถมช่วยให้ผิวดูเกลี้ยงเกลา ไม่หยาบกร้าน และผิวดูมีสุขภาพดียิ่งขึ้น
สำหรับเรื่องฝ้า กระ ก็เป็นปัญหาไม่แพ้กัน เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะผลิตน้ำมันน้อยลงทำให้ผิวแห้งกร้านและไวต่อแสงมากขึ้น จึงมีปัญหาฝ้า กระ ตามมา ซึ่งสามารถเลือกรักษาได้ด้วยการใช้ Q-Switched Laser ออกฤทธิ์โดยตรงเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดสีให้แตกกระจาย แล้วให้เม็ดเลือดขาวดูดซึมเม็ดสีให้จางลง ซึ่งเทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันทำให้การยิงเลเซอร์เกิดผลกระทบน้อยกว่าเมื่อสมัยก่อนมาก เพราะเลเซอร์จะถูกยิงลงไปเฉพาะบริเวณที่เล็กและแม่นยำมาก จึงไม่รบกวนเซลล์ผิวและเนื้อเยื่อข้างเคียง จึงมีความอ่อนโยนต่อผิวสูง ต่างจากเครื่องรุ่นเก่าที่ทำลายเซลล์ผิวในบริเวณกว้าง หลังทำแล้วตำแหน่งที่ยิงเลเซอร์จะมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่จะค่อยๆ จางลงพร้อมๆ กับรอยฝ้า กระ ซึ่งปกติแล้วต้องทำ 4-5 ครั้งขึ้นไปถึงเห็นผลชัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับปัญหาของแต่ละบุคคลเป็นหลัก และระหว่างทำบางรายอาจพบอาการผิวแห้ง ก็ควรเน้นการใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นพิเศษ
และที่ขาดไม่ได้คือปัญหาริ้วรอย ซึ่งผู้ชายมักมีภาระรับผิดชอบมากจึงเครียดกับการทำงานมากกว่าผู้หญิง ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย โดยเฉพาะบนหน้าผากและหัวคิ้ว จึงต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย ซึ่งที่นิยมกันก็คือการใช้คลื่นวิทยุ (Radio Frequency) หรือเลเซอร์ แต่ปัจจุบันมีการนำสองเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด โดยยังใช้ร่วมกับระบบยกกระชับผิว Lifting Tri-Polar ทำให้เห็นความแตกต่างเพียงครั้งแรก วิธีนี้กระตุ้นพร้อมจัดเรียงคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิวยืดหยุ่น เกิดแรงยึดเหนี่ยวระหว่างเซลล์ผิว ริ้วรอยเหี่ยวย่นตื้นขึ้น และผิวแน่นกระชับแข็งแรงจากภายใน ทำแล้วไม่เจ็บ และไม่ต้องพักฟื้นผิว แต่ไม่ควรทำถี่จนเกินไป แนะนำให้ทำเดือนละ 2-4 ครั้ง จะได้ผลดีที่สุด อย่างไรก็ดี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกทรีตเมนต์ที่เหมาะสมกับคุณ
ขอขอบคุณ ยูทฮู
เช็คอินสะสม: 1685 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 1 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 22%

โพสต์ 2013-7-18 21:20:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดีมากครับ

ตอบกระทู้

สำหรับคนที่ขี้เกียจพิมพ์
คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อนที่จะตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รายละเอียดเครดิต

TOP