ดู: 358|ตอบกลับ: 2

A: สุขภาพดี...เรื่อง กล้วยกล้วย

[คัดลอกลิงก์]
Dew
เช็คอินสะสม: 4710 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 51 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 48%

สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก

x
กล้วยๆ.jpg


กับกระแสความนิยมผลไม้นำเข้าราคาแพงๆ หลายคนอาจลืมผลไม้ไทยอย่าง“กล้วย” ที่มีคุณประโยชน์สารพัด แถมราคาถูกกว่าผลไม้ต่างแดน มุมสุขภาพศุกร์แรกของเดือนแห่งความรักนี้ ผู้เขียนจึงนำเรื่องควรรู้ของกล้วยมาแนะนำกันค่ะ
โดยกล้วยสุกเมื่อรับประทานจะพบว่าเนื้อนุ่ม กลืนลงคอได้เร็วและย่อยง่าย ด้วยเหตุที่กล้วยกลืนง่ายนี้ ทำให้บางคนไม่ค่อยเคี้ยว ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นวิธีการที่ผิดนะคะ ที่ถูกคือต้องเคี้ยวให้ละเอียด เพราะกล้วยมีแป้งร้อยละ 20-25 ของเนื้อกล้วย ถ้าเคี้ยวไม่ละเอียด น้ำย่อยในกระเพาะต้องทำงานหนัก หากย่อยไม่ทันกล้วยจะอืดในกระเพาะอาหารได้ อย่างไรก็ตาม กระเพาะของคนใช้เวลาในการย่อยกล้วยสั้นกว่าการย่อยส้ม นม กะหล่ำปลี หรือแอปเปิล
คนทำงานหรือนักกีฬา ถ้าต้องการเรียกพลังงานให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีอาหารว่างใดดีไปกว่ากล้วยแล้วค่ะ เพราะกล้วยอุดมด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุคโทส และกลูโคส มีเส้นใยและกากอาหาร จึงช่วยเพิ่มพลังงานได้ทันที และดีต่อระบบขับถ่าย จากงานวิจัยพบว่า กินกล้วยแค่ 2 ผล สามารถเพิ่มพลังงานพอๆ กับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ถึง 90 นาที จึงไม่น่าแปลกใจที่กล้วยเป็นผลไม้อันดับหนึ่งของนักกีฬาชั้นนำระดับโลก
ไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มพลังงานเท่านั้น กล้วยยังช่วยเอาชนะและป้องกันโรคต่างๆ มาดูประโยชน์ของกล้วยกันดีกว่านะคะ“กล้วยมีธาตุเหล็กสูง” จึงช่วยกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด ช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลังหรือโลหิตจาง“กล้วยมีธาตุโปรแตสเซียมสูงสุด” แต่มีปริมาณเกลือต่ำ จึงเป็นอาหารสมบูรณ์แบบที่สุดที่จะช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต องค์การอาหารและยาของอเมริกายังอนุญาตให้อุตสาหกรรมปลูกกล้วยโฆษณาได้ว่ากล้วยเป็นผลไม้พิเศษช่วยลดอันตรายจากความดันโลหิตหรือโรคเส้นเลือดฝอยแตก
“กล้วยเพิ่มพลังสมอง” เคยมีรายงานว่า นักเรียน 200 คน ที่โรงเรียนทวิคเกนฮาม ได้คะแนนสอบดีตลอดปี เพราะการรับประทานกล้วยในมื้อเช้า ช่วงเบรก และมื้อกลางวันทุกวัน แสดงให้เห็นว่าปริมาณโปรแตสเซียมที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในกล้วยทำให้นักเรียนตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น “กล้วยแก้โรคท้องผูก” ปริมาณเส้นใยและกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วย ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ แก้ท้องผูกโดยไม่ต้องพึ่งยาถ่าย
“แก้โรคซึมเศร้า” จากการสำรวจในผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า พบว่า หลายคนมีความรู้สึกดีขึ้นมากหลังการรับประทานกล้วย เพราะมีโปรตีนที่เรียกว่า ทริปโตฟาน เมื่อสารนี้เข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็น เซโรโทนิน มีฤทธิ์ผ่อนคลายปรับอารมณ์ให้ดี มีความสุขขึ้น
“กล้วยแก้แฮงค์” การดื่มกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้อาการเมาค้าง กล้วยจะทำให้กระเพาะไม่ปั่นป่วน ส่วนน้ำผึ้งจะเสริมปริมาณน้ำตาลในเลือด ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกาย “บรรเทาอาการเสียดท้อง” กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติ ถ้ารู้สึกเสียดท้อง ลองรับประทานกล้วยสักผล จะรู้สึกผ่อนคลายจากอาการเสียดท้องได้
“กล้วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่” เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบาย อ่อนเพลีย แนะรับประทานกล้วยเป็นอาหารว่างระหว่างมื้อ“กล้วยดีต่อระบบประสาท” ในกล้วยมีวิตามินบีสูงมาก ช่วยทำให้ระบบประสาทเป็นปกติ  ยังมีการศึกษาของสถาบันจิตวิทยาในออสเตรียพบว่า ความกดดันในที่ทำงานเป็นเหตุให้กินจุบจิบ จนเป็นโรคอ้วน ฉะนั้นเพื่อเลี่ยงความตระหนกจากภาวะกดดัน จึงต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ด้วยอาหารว่างคาร์โบโฮเดรตสูง เช่น รับประทานกล้วยทุก 2 ชั่วโมง ทั้งนี้วิตามินบี 6 ที่อยู่ในกล้วยยังมีสารควบคุมระดับกลูโคสซึ่งเกี่ยวข้องกับอารมณ์
“รักษาลำไส้เป็นแผล” กล้วยเป็นอาหารที่แพทย์ใช้ควบคุมและต้านการเกิดแผลที่ลำไส้ เพราะเนื้อของกล้วยนุ่มพอดี จึงเป็นผลไม้ชนิดเดียวที่เหมาะกับผู้ป่วยลำไส้เรื้อรัง และยังมีสภาพเป็นกลางไม่เป็นกรด ลดระคายเคือง เคลือบผนังลำไส้และกระเพาะอาหาร“ตัวช่วยสำคัญของคนกำลังเลิกบุหรี่” เนื่องจากในกล้วยมีปริมาณของวิตามินเอ บี6 บี 12 และซี สูง และยังมีโปรแตสเซียมกับแมกนีเซียมที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนกำลังได้รวดเร็ว อันเป็นผลจากความอ่อนเพลียระหว่างลดเลิกนิโคติน
“รักษาสมดุลโปรแตสเซียม” โดยสารดังกล่าวช่วยให้การเต้นของหัวใจปกติ การส่งออกซิเจนไปยังสมอง และปรับระดับน้ำในร่างกาย เวลาเครียด อัตราเผาผลาญในร่างกายจะขึ้นสูงและทำให้โปรแตสเซียมในร่างกายลดลง แต่โปรแตสเซียมที่มีอยู่สูงมากในกล้วยจะช่วยให้เกิดความสมดุล
“ลดความเสี่ยงเส้นเลือดฝอยแตก” จากการวิจัยที่ลงในวารสารทางการแพทย์นิวอิงแลนด์ ชี้ว่า การกินกล้วยเป็นประจำสามารถลดอันตรายที่เกิดกับเส้นโลหิตแตกได้ร้อยละ 40 “รักษาหูด” โดยการใช้เปลือกกล้วยด้านใน วางปิดลงบนหูดแล้วใช้แผ่นปิดแผลหรือเทปติดไว้ จะสามารถรักษาโรคหูดให้หายได้ และ “แก้คัน” ก่อนใช้ครีมทาแก้ยุงกัดลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาบริเวณที่ถูกยุงกัด เพราะเปลือกกล้วยสามารถแก้เม็ดผื่นคันที่เกิดจากยุงกัดได้
นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบแอปเปิ้ลแล้ว กล้วยยังมีโปรตีนมากกว่าแอปเปิ้ล 4 เท่า มีคาร์โบรไฮเดรตมากกว่า 2 เท่า มีฟอสฟอรัสมากกว่า 3 เท่า มีวิตามินเอและธาตุเหล็กมากกว่า 5 เท่า และมีวิตามินรวมทั้งแร่ธาตุอื่น มากกว่าอีก 2 เท่า และอุดมด้วยโปรแตสเซียม กล้วยจึงเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุด
เห็นไหม กล้วยรักษาอาการต่างๆ ได้มากมาย หันมากินกล้วยวันละผล เพื่อสุขภาพที่ดีจะได้ไม่ต้องไปหาหมอกันดีกว่าค่ะ.
"PrincessFangy"
twitter.com/PrincessFangy
อ้างอิงบ้างส่วนจากdkt
ขอขอบคุณ เดลี่นิวส์
เช็คอินสะสม: 1685 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 1 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 22%

โพสต์ 2013-7-20 17:20:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สาระดีมีประโยชน์มากครับ
เช็คอินสะสม: 147 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 1 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 47%

โพสต์ 2024-6-29 06:47:27 จากอุปกรณ์พกพา | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

ตอบกระทู้

สำหรับคนที่ขี้เกียจพิมพ์
คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อนที่จะตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รายละเอียดเครดิต

TOP