สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
เป็นธรรมดาของคู่รักที่อาจต้องมีปากเสียงกระทบกระทั่งกันบ้างเพราะคนเราย่อมมีเรื่องที่เข้ามาสร้างความไม่พอใจให้กับตัวเองได้ทั้งนั้น แต่ใครจะสามารถระงับความโกรธหรือมีความอดทนได้มากกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาวะหลายสิ่งรอบๆตัว แต่ถ้าโกรธกับจนถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้งย่อมมีอันตรายมากกว่าการทะเลาะทั่วๆ ไป อย่างแน่นอนเพราะฉะนั้น ทางที่ดีเราควรศึกษาวิธีระงับความโกรธเอาไว้บ้าง
หลีกเลี่ยงการพูดเวลาโกรธ เนื่องจากคำพูดที่ออกตอนขณะอารมณ์โกรธจะเป็นคำพูดที่รุนแรง และบั่นทอนจิตใจของคู่สนทนาหรือคนรอบข้างถ้าทั้งสองฝ่ายต่างโกรธจะทำให้เหตุการณ์ปะทะรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง ควรเงียบไว้ก่อนจนกว่าอารมณ์เป็นปกติจึงค่อยพูดคุยปรับความเข้าใจกันใหม่อีกครั้ง
พยายามใช้เหตุผล เมื่อรู้สึกโกรธเมื่อไหร่ให้ลองก้าวออกมาจากสถานการณ์นั้นก่อนเพราะความโกรธไม่ช่วยอะไรใคร มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าอาจจะยังมีความโกรธอยู่แต่ทางที่ดีที่สุดคือพยายามนิ่งไว้ เพื่อสงบอารมณ์ที่ปะทุอยู่ภายใน จากนั้นค่อยเรียบเรียงใช้คำพูดที่มีเหตุผลเพื่ออธิบายและพูดคุยต่อกันจะดีกว่า
มีความเห็นใจซึ่งกันและกัน ทุกครั้งที่มีอารมณ์โกรธให้มองคู่สนทนาหรือคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เราโกรธนั้นเป็นใครเพราถ้าหากเป็นเด็กเล็กๆ เช่นน้อง หรือหลาน แน่นอนว่าเค้าอาจจะไม่ตั้งใจทำให้เราโกรธเราโกรธไปก็ทำให้เราสุขภาพจิตเสียเปล่าๆ ในขณะเดียวกันหากเป็นคนรักให้มองว่าเพราะอะไรถึงโกรธกันคิดในทางกลับกันบ้าง ความเห็นใจจะช่วย ให้บรรเทาอาการโกรธของคุณได้
หันไปให้ความสนใจกับสิ่งอื่น ขณะที่กำลังโกรธกันให้มองหาข้อดีของคู่รัก หรือคิดถึงเรื่องในอดีตที่มีความสุขด้วยกันเป็นการคิดบวกช่วยลบล้างความคิดในแง่ลบ จะช่วยลดความโกรธในใจคุณลงได้ง่ายดาย
ไม่ขึ้นเสียงใส่กัน ห้ามใช้เสียงในการทะเลาะเด็ดขาด เพราะมันจะเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายใช้เสียงเช่นกันแล้วจากนั้นอารมณ์ของทั้งสองฝ่ายก็จะพลุ่งพล่าน และไม่สามารถระงับความโกรธ หรือควบคุมสถานการณ์ได้
ยิ้มให้กันดีที่สุด การยิ้มทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างไม่ต้องพูดอะไรออกมา เพราการที่คุณพยายามยิ้มนั่นแหละ คือคุณพยายามทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายกำลังเริ่มดีขึ้นแล้ว อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นเจตนาดีต่อกันอีกด้วยช่วยคลายความตึงเครียดระหว่างคู่รักขณะมีปัญหาได้อย่างดีทีเดียว ขอขอบคุณ ที่นี่, วูเมนสตอรี่ A: นั่งรถเมล์ทำมัยถึงง่วงนอน ถาม :ในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด เราก็พบกับสภาพแต่การจราจรติดขัดเมื่อขึ้นรถเมล์ต้องทนกบการแออัดยัดเยียด และทำไมเรานั่งรถเมล์ถึงง่วงนอน
ตอบ : สาเหตุแรก คือพักผ่อนไม่เพียงพอ สาเหตุที่ 2 คือ นั่งรถเมล์นาน
ถาม : จากการตั้งข้อสันนิษฐานสาเหตุของการง่วงนอนเกิดจากสูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ออกมาจากท่อไอเสียรถยนต์เมื่อสูดเข้าไปมาก ๆ ทำให้เกิดอาการง่วงนอนจริงหรือไม่
ตอบ : ไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าควันดำมีก๊าซพิษอะไรบ้าง แต่ถ้ามีการเผาไหม้ที่สูงเกิน 35 ส่วนในล้านส่วน จากการทำสถิติบรรยากาศของรถติดยังไม่เป็นอันตรายเพียงพอไม่สามารถทำให้เกิดอาการง่วงนอนได้
ถาม : ถ้าก๊าซหรือควันพิษออกจากรถยนต์และเข้าสู่ร่างกายทุกวันบ่อยๆ จะเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่
ตอบ : แน่นอน เพราะก๊าซต่างๆ เป็นสิ่งที่มีพิษ ถ้าสูดทุกวันสารพิษต่าง ๆ เข้าไปในร่างกาย ร่างกายจะขับออกมาในรูปของเสมหะ แต่ส่วนที่ขับไม่ได้ อาจไปติดอยู่ที่ถุงลมของปอดถ้าสะสมนาน ๆปอดจะ เสื่อมไปได้ ซึ่งเป็นผลระยะยาว สำหรับระยะสั้น ก๊าซต่าง ๆหรือควันทำให้ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เป็นหลอดลมอักเสบโรคระบบทางเดินหายใจ ภูมิแพ้
ถาม :ถ้าควันพิษเข้าไปในร่างกายมาก ๆ ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้หรือไม่
ตอบ : ถ้าเป็นควันพิษจากอุบัติเหตุไฟไหม้มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกินปริมาณออกซิเจนที่ใช้อยู่ทำให้เสียชีวิตได้
ถาม : บุคคลที่ได้รับควันพิษจากท่อไอเสียมากเราจะสังเกตได้อย่างไรว่าเกิดอันตรายจากกลุ่มควันนี้
ตอบ : อันนี้เป็นข้อพิสูจน์ได้ยากแต่ถ้าสูดดมระยะยาวๆ จะมีผลต่อร่างกายได้ และอาจมีสารกระตุ้นทำให้เนื้อเยื่อผิดปกติ
ถาม :วิธีการรักษาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจหรือโรคต่างๆ ที่มีสาเหตุจากการสูดดมควันเข้าไปมีวิธีการรักษาหรือมาตรการป้องกันอย่างไรบ้าง
ตอบ : 1. ออกกำลังกายทำให้ร่างกายแข็งแรงและปอดแข็งแรง
2. อาจไปพักผ่อนตามต่างจังหวัดเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์
ขอขอบคุณ ที่นี่, แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
|