สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
ในบรรดาเครื่องดื่มที่มีขายตามท้องตลาดบ้านเรา เชื่อไหมว่า เกินกว่าครึ่ง เป็นเครื่องดื่มชนิดที่อุดมไปด้วยน้ำตาล ตกแต่งให้ดูน่าดื่มด้วยสีกลิ่น และทำให้อายุการเก็บรักษานาน ๆด้วยการใส่วัตถุกันเสีย พูดอย่างนี้แล้ว คอน้ำอัดลมคงร้อน ๆ หนาว ๆ กันใช่ไหม ใช่ค่ะ.. ผู้เขียนกำลังหมายถึง เครื่องดื่มตั้งแต่น้ำอัดลม รวมไปจนถึงสารพัดเครื่องดื่มดับกระหาย คลายร้อนต่าง ๆ นานา ที่แทบจะไม่มีส่วนผสมของวัตถุดิบทางธรรมชาติ ในการให้รสชาติเลย ยิ่งกระแสชาเพื่อสุขภาพ ก็ได้ถูกนำมาแอบอ้าง กลายเป็นเครื่องดื่มทั้ง ๆ ที่ ผู้บริโภคแทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเครื่องดื่มนั้น ๆ เลยนอกจากพลังงานที่เกินความจำเป็น จากปริมาณน้ำตาลที่มากเกินความพอดี พูดมาเสียขนาดนี้ ผู้เขียนมิได้มีเจตนาให้ร้ายบริษัทผู้ผลิตน้ำอัดลม หรือ เครื่องดื่มรายใดเลยนะคะ เพียงแค่ต้องการให้ใช้เป็นข้อมูลทางเลือก สำหรับผู้ที่รักและใส่ใจสุขภาพในการเลือกเครื่องดื่มที่มีตามท้องตลาด ให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายกันอย่างแท้จริง คุณผู้อ่านเคยสังเกตดู ”ฉลากโภชนาการ” ที่กำกับอยู่ด้านข้างๆของขวดเครื่องดื่ม ก่อนเลือกซื้อ เลือกดื่ม กันบ้างไหมว่าเครื่องดื่มเหล่านี้ มีอะไรเป็นส่วนผสมอยู่บ้าง มาดูกันดีกว่าคะว่า เจ้าส่วนผสมเหล่านี้ มีประโยชน์หรือโทษอย่างไรกับร่างกายเราบ้าง - น้ำตาล หรือ ไซรัป ส่วนประกอบหลักที่ขาดไม่ได้ และเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของบรรดาเครื่องดื่มเหล่านี้ ผู้อ่านที่รักสุขภาพทั้งหลายคงทราบกันดีอยู่แล้วใช่ไหมว่าเจ้าน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยเป็นแหล่งพลังงานให้กับร่างกายของเรา แต่ส่วนใหญ่ด้วยวิถีการใช้ชีวิต และการทำงานอย่างเรา ๆ มักได้น้ำตาลที่เกินความพอดีเข้าสู่ร่างกาย จนเป็นที่มาของโรคร้ายหลายโรคและอาการที่ไม่พึงประสงค์ต่อสุขภาพ เช่น ฟันผุ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะโรคเบาหวานนั้นเป็นอันตรายมาก ทำให้ผู้ป่วยลำบากหากไม่มีการควบคุมอาหารการกินอย่างจริงจัง จะทำให้เกิดอาการหัวใจวาย ไตล้มเหลว ตาบอด เนื้อเยื่อเน่า เท้าบวม หมดสติและอาจตายได้ นอกจากนี้สำหรับบางคน การกินน้ำตาลมากๆ ยังก่อให้เกิดปัญหาทางผิวหนังได้อีกด้วย เช่น เป็นสิวหรือฝีขึ้นมา เพราะเชื้อ อี.คอไล (E. coli) ซึ่งเป็นแบคทีเรียจำพวกหนึ่ง จะทำปฏิกิริยากับน้ำตาลที่ผ่านเข้ามาในลำไส้ ทำให้เกิดสารพิษต่าง ๆ ขึ้น เมื่อสารพิษเหล่านี้ผ่านเข้าสู่กระแสเลือด ก็จะทำให้เกิดอาการทางผิวหนังขึ้นมาได้ เห็นไหมค่ะว่าการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินความจำเป็น มีแต่ผลร้ายที่แสนจะน่ากลัวต่อร่างกาย ว่ากันว่าน้ำอัดลม 1 กระป๋อง มีปริมาณน้ำตาลสูงเทียบเท่า น้ำตาล 8 – 10 ช้อนชาเลย - สารเคมีแต่งสี ส่วนใหญ่สารเคมีที่ใช้ในเครื่องดื่มกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มสีสังเคราะห์ ซึ่งเป็นสารแปลกปลอม เมื่อผสมอาหารและรับประทานเข้าไป ในร่างกาย ก็จะเกิดอันตรายได้ ทั้งนี้เนื่องจากสาเหตุ 2 ประการ คือ 1. อันตรายจากตัวสีเอง เพราะสีทุกชนิดถ้าใช้มากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อ ผู้บริโภคไม่มากก็น้อย เนื่องจากเป็นสารแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย หากร่างกาย ขับถ่ายออกไม่ทัน ก็จะสะสมอยู่ในร่างการแล้วอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายได้ 2. อันตรายจากสารอื่นที่ติดมาเนื่องจากการสังเคราะห์ หรือจากกระบวน การผลิตที่แยกเอาสารเจือปนออกไม่หมด สารดังกล่าวได้แก่ โลหะหนักต่าง ๆ เซ่น โครเมียม แคดเมียม ปรอท ตะกั่ว สารหนู พลวง และเซเลเนียม เป็นต้น โลหะหนักเหล่านี้จะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ และยังเป็นสาเหตุ ของมะเร็งที่อวัยวะอื่น ๆ อีกด้วย จะเห็นได้ว่าสีผสมอาหารนั้นไม่ให้คุณค่าอะไรแก่ร่างกาย และก็ไม่มีความ จำเป็นใด ๆ ที่จะต้องใช้เลย กลับทำให้เกิดอันตรายได้อีกด้วย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยง การบริโภคอาหาร และเครื่องดื่มที่มีการใส่สีสังเคราะห์ในส่วนผสมกันดีกว่า - สารเคมีแต่งกลิ่น ซึ่งแต่งกลิ่น รสชาติอาหาร ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์มีการแบ่งประเภทโดยผู้บริโภคสามารถอ่านดูได้ที่ฉลากโภชนาการ เป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 วัตถุแต่งกลิ่นรสธรรมชาติ เป็นการนำพืชหรือวัตถุจากธรรมชาติมาสกัด ประเภทที่ 2 วัตถุแต่งกลิ่นรส เลียนธรรมชาติ เป็นการสกัด กลิ่น รส จากพืชหรือวัตถุธรรมชาติโดยวิธีทางเคมี ประเภทที่ 3 วัตถุแต่งกลิ่นรสสังเคราะห์ ซึ่งวัตถุแต่งกลิ่นสังเคราะห์นั้นเกิดจากส่วนผสมสารเคมี ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไม่มีความจำเป็นต่อร่างกาย และหากขบวนการสังเคราะห์ไม่ดี ก็อาจมีสารโลหะหนักตกค้างได้ ไม่ต่างกับสารเคมีแต่งสี - วัตถุกันเสีย เป็นสารที่ใช้ใส่ลงในอาหารเพื่อช่วยให้อาหารคงสภาพ รส กลิ่น ไว้ได้นานเหมือนเมื่อแรกผลิต สารประเภทนี้ได้แก่ สารกันหืน สารกันบูด หรือสารป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ซึ่งวัตถุกันเสียที่มักใช้ในกลุ่มเครื่องดื่ม ได้แก่ กลุ่มเบนโซเอท หรือสารเคมีกลุ่มอื่น ๆ ในทางกฏหมายก็มีการกำหนดปริมาณในการใช้ทุก ๆ ชนิด นั่นหมายความว่าเจ้าสารเหล่านี้ จะมีอันตรายต่อสุขภาพเราได้ ซึ่งหากในแต่ละวัน เราได้รับสารกันบูดในปริมาณน้อย ร่างกายจะสามารถกำจัดออกทางปัสสาวะได้ตามปกติ แต่หากได้รับในปริมาณมากทุกวัน ตับและไตจะต้องทำงานหนักขึ้น และหากกำจัดออกไปไม่หมด ก็จะเกิดการสะสมในร่างกาย ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพของตับและไตในการกำจัดสารเคมีเหล่านี้ลดลง และอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยต่อตับและไตได้ ยังไม่ต้องบรรยายถึงงานวิจัยของสถาบันไหน ๆ ที่รายงานถึงอันตรายจากน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มแต่งสี กลิ่น และใส่วัตถุกันเสีย ว่าเป็นสาเหตุให้เกิดโรคร้ายใดบ้าง แค่อ่าน อันตรายจากส่วนผสมดังที่ผู้เขียนได้กล่าวมาก็น่าตกใจแล้วใช่ไหมคะ และข่าวที่เคยได้ยินมาเป็นระยะ ๆ ในการตรวจพบสารอันตรายในน้ำอัดลมยี่ห้อดัง จนเป็นเหตุให้บางประเทศประกาศชัด ให้ผู้ผลิตมีการปรับสูตรการผลิตเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคของประเทศนั้น ๆ วารสารวิชาการ “การระบาดวิทยา ตัววัดความเสี่ยงและการป้องกันมะเร็ง” ของสมาคมวิจัยมะเร็งแห่งอเมริกา รายงานว่า มีการศึกษาพบว่า การดื่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีรสหวาน จะทำให้เสี่ยงกับการเกิดเป็นมะเร็งของตับอ่อน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งอังกฤษ (British university) แนะนำว่าวัตถุกันเสียธรรมดาๆ ที่พบในน้ำอัดลม สามารถปิดสวิตซ์การทำงานของ DNA ในร่างกายได้ และอาจจะชักนำไปสู่โรคตับแข็งและโรคพิการต่างๆ เช่นโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s อาการของโรคกระตุก อันเกิดจากสมองพิการ) ดร.โมเสส เอลิซาฟ อายุรแพทย์ หัวหน้าทีมวิจัยจากมหา- วิทยาลัยไอโออันนินา เผยว่า การดื่มน้ำอัดลมมากๆ (โดยเฉพาะ น้ำสีดำ) กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะนอกจากทำลายฟัน ทำให้ กระดูกผุ ส่งผลถึงระบบเมตาโบลิซึม และเป็นสาเหตุของเบาหวานแล้ว ยังก่อให้เกิดภาวะไฮโปคาเลเมียหรือโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ทำให้ กล้ามเนื้ออ่อนเพลีย ไม่มีแรง จนอาจถึงขั้นอัมพฤกษ์ อัมพาตอีกด้วย อ่านมาถึงตรงนี้แล้วผู้เขียนคงฝากเทคนิคง่าย ๆ สำหรับการเลือกบริโภคเครื่องดื่มที่จะบริโภค โดยคุณผู้อ่านควรอ่านฉลากก่อนเลือกซื้อ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง แต่งสีและกลิ่นสังเคราะห์ และใช้วัตถุกันเสีย กันดีกว่า สำหรับหลาย ๆ ท่านที่ติดน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มประเภทนี้ ก็ควรค่อย ๆ ลด ละ เลิก เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวกันเถอะ อย่าลืมนะคะว่า You are what you eat ท่านอะไรบ่อย ๆ ก็จะส่งผลอย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวมาแล้ว และอันตรายเหล่านี้ ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างเฉียบพลัน จำเป็นต้องใช้เวลาในการสะสมวันละนิด วันละหน่อย จนเกิดโรค และเมื่อถึงวันที่เป็นโรคร้ายขึ้นมา มีเงินมากแค่ไหน ก็ซื้อสุขภาพดี ๆ กลับคืนมาไม่ได้นะคะ เลิกปลอบใจตัวเองด้วยคำพูดที่ว่า “นิดหน่อยเองไม่เป็นอะไรหรอกน่า” และหันมาดื่มเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพกันเถอะ ขอขอบคุณ ที่นี่, เดย์ลีนิวส์ |