สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
ในทางการแพทย์ได้กำหนดให้มีอาการที่เรียกว่าภาวะติดคาเฟอีน (Caffeine Dependence) เช่นเดียวกับสารเสพติดอย่างสุรา
ซึ่งภาวะดังกล่าวถูกกำหนดอยู่ในคู่มือการวินิจฉัยโรคทางจิตเวช ที่เรียกว่าDSM-IVเหตุผลเนื่องจากคาเฟอีนเป็นสารออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางโดยมีสูตร โครงสร้างคล้ายสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า อะดีโนซีน (Adenosine) ผลก็คือทำให้สมองมีสารโดปามีน (Dopamine) และซีโรโตนิน(Serotonin)เพิ่มสูงขึ้น
สารทั้งสองตัวนี้มีฤทธิ์ทำให้สมองตื่นตัวและ ทำงานหนักขึ้นรวมถึงความรู้สึกพึงพอใจจากการดื่มกาแฟ หลังจากดื่มกาแฟแล้วคาเฟอีนจะเข้าสู่กระแสเลือดและเข้าสู่สมองภายใน45 นาที และมีฤทธิ์อยู่ประมาณ3-5 ชั่วโมง
สำหรับเทคนิคการเลิกดื่มกาแฟโดยเฉพาะในคนที่มีอาการติดคาเฟอีน หมอขอแนะนำวิธีการเบื้องต้น ดังต่อไปนี้
1. ให้ลดปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวันลง เช่น จากที่เคยดื่มวันละ4 แก้วให้ลดลงเหลือ3 แก้ว แต่หากจำเป็นต้องดื่มแก้วที่ 4 ให้ชงด้วยกาแฟสกัดคาเฟอีน(Decaffeinated) จนกระทั่งร่างกาย เริ่มชินก็ลงปริมาณลงอีก
2. สำรวจว่านอกจากกาแฟแล้วท่านยังได้รับคาเฟอีนจากอาหารชนิดใดอีกบ้าง เช่น ชา โกโก้ ช็อคโกแลตซีเรียลรสโกโก้เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น จากนั้นให้ลดการบริโภคทุกอย่างร่วมกับ การลดปริมาณกาแฟที่ดื่มในแต่ละวันหรือเลิกบริโภคอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้
3. นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอในตอนกลางคืน อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
4. ดื่มน้ำสะอาดวันละประมาณ1-2 ลิตร และการรับประทานวิตามินบีรวม ซึ่งจะช่วยทุเลาอาการ
อ่อนเพลีย
5. การออกกำลังกายจะช่วยให้สมองเพิ่ม ซีโรโตนิน (Serotonin) และโดปามีน (Dopamine)ได้เช่นเดียวกันกับการได้รับคาเฟอีน
6. งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
7. รับประทานอาหารเช้าเพราะระดับน้ำตาลในกระแสเลือดที่เพียงพอจะช่วยให้สมองและร่างกายทำงานได้โดยไม่อ่อนเพลีย
8. หากิจกรรมหรืองานอดิเรกทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟและควรหลีกเลี่ยงการไปร้านกาแฟ
9. หากมีอาการปวดศีรษะระหว่างงดกาแฟ สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลหรือแอสไพรินได้
ไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดไมเกรนซึ่งมีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่
10. หากมีอาการหงุดหงิดใจสั่น อาจจะให้วิธีอาบน้ำเย็นช่วย เทคนิคทั้ง 10 ข้อนี้ ประยุกต์จากความรู้ทางวิชาการและจากประสบการณ์การแนะนำผู้มาตรวจสุขภาพ
รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองในการลดปริมาณการดื่มกาแฟหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้ผู้อ่านลดปริมาณ การดื่มกาแฟได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในการเลิกดื่มก็คือความตั้งใจและความมุ่งมั่น ของท่านเอง
ขอขอบคุณ ที่นี่, จิ่มจุ่ม |