ดู: 275|ตอบกลับ: 1

A: ไม่อยากอ้วน!! เลิกนิสัย”ล้างปากด้วยขนมหวาน”

[คัดลอกลิงก์]
Dew
เช็คอินสะสม: 4680 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 21 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 47%

สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก

x
ของหวานล้างปาก.jpg
ในยุคที่เต็มไปด้วยขนมหวานที่แสนอร่อยไอศครีม และช็อคโกแลต รสชาติเยี่ยม หลาย ๆ คนมักเคยชินกับการทานอาหารคาว(มื้อหลัก)แล้วต้องต่อด้วยขนมหวานเพื่อ "ล้างปาก" กันจนเป็นนิสัย แต่ทราบกันไหมว่านั่นเป็นที่มาอีกหนึ่งสาเหตุของน้ำหนักตัวส่วนเกินที่เราทั้งหลายไม่อยากมี และโรคร้ายจากการทานแป้งน้ำตาล และไขมันส่วนเกิน ยิ่งมื้อที่เรามักจะต้องตบท้ายด้วยของหวานส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นมื้อเย็นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ขนมหวานซึ่งอุดมไปด้วยแป้งน้ำตาล และไขมัน นั้นเป็นส่วนเกินที่ร่างกายจะได้รับก่อนที่เราจะเข้านอนซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายใช้พลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ น้อยมากเมื่อเทียบกับกิจกรรมระหว่างวัน มาดูกันดีกว่าว่า เจ้าขนมหวานพวกนี้ส่งผลร้ายมากกว่าผลดีต่อร่างกายอย่างไร
หนมหวานๅๅๅ.jpg
อาหารในกลุ่มขนมหวานไอศครีม ที่เรามักใช้ทานล้างปากหลังจากอาหารคาวนั้น จะช็อคโกแลตลาวาเค้กที่มาพร้อมไอศครีมก็ดี จะเครปเค้ก ชีสเค้กก็ดี หรือจะฮันนี่โทสเฟรนช์โทส ไปจนถึงไอศครีมเคลือบช็อคโกแลตราคาแพงที่ตกแต่งด้วยท้อปปิ้งแสนสวยนั้นส่วนผสม ส่วนประกอบส่วนใหญ่ที่ใช้เป็นส่วนประกอบหลักก็หนีไม่พ้นกลุ่มแป้ง น้ำตาลไขมัน และสารแต่งสี แต่งกลิ่น อย่างที่คุณผู้อ่านที่รักสุขภาพทั้งหลายทราบกันดีว่า ตำราไหน ๆ สูตรควบคุมน้ำหนักใดๆ คุณหมอและนักโภชนาการท่านไหนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาหารกลุ่มแป้ง น้ำตาลไขมัน เป็นอาหารกลุ่มที่ผู้ต้องการควบคุมน้ำหนัก และใส่ใจสุขภาพควรระวัง เพราะหากร่างกายได้รับมากเกินความจำเป็น สารอาหารเหล่านี้จะกลับกลายเป็นเพชรฆาตตัวร้ายที่คอยทำให้เกิดโรคต่างๆ ในร่างกาย ส่งผลร้ายต่อสุขภาพของเราในระยะยาวกันได้
หนมหวานๅๅ.jpg
ปัญหาหลักๆ ของร่างกายหากทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต(แป้ง น้ำตาล)ที่มากเกินความพอดี จะมีผลต่อน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากการนำไกลโคเจนที่สะสมไว้เป็นพลังงานไปใช้ไม่หมดและถูกแปลเปลี่ยนกลายเป็นไขมันที่สะสมและก่อให้เกิดปัญหากับภายในร่างกายได้ ดังนี้
หนมหวานๅ.jpg
เมื่อเรากินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปโดยเฉพาะพวกน้ำตาลเชิงเดี่ยว (น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง น้ำตาลในผลไม้ น้ำตาลในนม) น้ำตาลจะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็วทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรดมากเกินไป ร่างกายเกิดภาวะไม่สมดุล จึงมีการดึงแร่ธาตุจากส่วนต่าง ๆภายในร่างกายมาแก้ไขความไม่สมดุล
1. ทำให้เกิดไขมันสะสมน้ำตาลจะถูกเก็บไว้ที่ตับ ในรูปของไกลโคเจน แต่ถ้ามีมากจนเกินไปตับก็จะส่งไปยังกระแสเลือด และเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน โดยจะสะสมไว้ในส่วนของร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น สะโพก ก้น ขาอ่อน หน้าท้อง
2. หากยังคงรับประทานน้ำตาลอย่างต่อเนื่องกรดไขมันจะสะสมไว้ที่อวัยวะภายในอื่น ๆ เช่น หัวใจ ตับ และไต ดังนั้น อวัยวะเหล่านี้จะค่อยๆ ถูกห่อหุ้มด้วยไขมันและน้ำเมือก ร่างกายจะเริ่มผิดปกติ ความดันเลือดจะสูงขึ้น
3. การรับประทานน้ำตาลมากเกินไปมีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้รู้สึกง่วงหงาวหาวนอน
4. อาการปวดศีรษะเรื้อรังเป็นตะคริวเวลามีรอบเดือน เป็นสิว ผื่น แผลพุพอง ตกกระ แผลริดสีดวงทวาร ไมเกรนเบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ มะเร็งตับ เหล่านี้ล้วนสัมพันธ์กับการรับประทานน้ำตาลมากเกินไป
5. น้ำตาลทำให้อาการของโรคติดเชื้อที่เป็นอยู่ทวีความรุนแรงขึ้น เพราะเชื้อโรคทุกชนิดใช้น้ำตาลเป็นอาหาร
6. น้ำตาลนอกจากจะมีผลต่อผู้ใหญ่แล้วยังมีผลต่อเด็กอีกด้วย เพราะถ้าหากเด็กกินน้ำตาล ในปริมาณที่มากจนเกินไปจะทำให้เด็กเป็นโรคกระดูกเปราะ และฟันผุได้ และอาจเป็นคนโกรธง่าย ไม่มีสมาธิในสิ่งที่ทำอยู่
ยังมีงานวิจัยและข้อมูลทางวิชาการอีกบางส่วนเกี่ยวกับการทานคาร์โบไฮเดรตที่มากเกินไปอาจมีความเสี่ยง และผลต่อโรคบางโรค เช่น โรคเบาหวาน มะเร็ง อัลไซเมอร์ หรือ โรคเกี่ยวกับตาอีกด้วย
หนมหวาน.jpg
ส่วนไขมันหากร่างกายได้รับเกินความพอดีที่จะนำไปใช้งาน ก็จะทำให้ร่างกายมีน้ำหนักและไขมันส่วนเกินเพิ่มมากขึ้น

มีระดับไขมันในเลือดสูงจะส่งผลทำให้หลอดเลือดแดงแข็ง ตีบ อุดตันส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงขาตีบตัน ตับอ่อนอักเสบ เป็นต้น เห็นไหมว่าหากปล่อยให้ไขมันที่ร่างกายได้รับมากเกินความจำเป็นจะส่งผลร้ายกับร่างกายแค่ไหนยิ่งถ้าเป็นไขมันทรานส์ ก็จะส่งผลต่อร่างกาย อาจทำให้ร่างกายมีภาวะการทำงานของตับที่ผิดปกติ,มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (CoronaryHeart Disease) โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
ทั้งแป้งน้ำตาล และไขมันที่มากเกินความพอดีนอกจากจะทำให้ร่างกายมีน้ำหนักส่วนเกินที่เพิ่มมากขึ้น ยังส่งผลให้เกิดผลกระทบและโรคร้ายต่าง ๆ ตามมาได้อีกมากมาย

หากคุณผู้อ่านที่รักสุขภาพทั้งหลายไม่อยากมีน้ำหนักส่วนเกิน ไปจนถึงไม่อยากให้โรคร้ายมากล้ำกลายจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารหวานหลังมื้อหลักจากขนมหวาน ไอศครีม ช็อคโกแลต มาทานเป็นผลไม้เบา ๆ น้ำตาลน้อยๆ แต่ให้วิตามินสารต้านอนุมูลอิสระต่อร่างกายเป็นจำนวนมากกันดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ล ส้มผลไม้ตระกูลเบอรี่ หรือผลไม้ไทย ๆ ตามดูกาล ล้วนแล้วแต่ให้ประโยชน์มากกว่าจะเกิดโทษมาพลิกวิกฤติที่จะทำให้เราเป็นโรคอ้วน มาเป็นโอกาสในการเพิ่มวิตามิน สารต้นอนุมูลอิสระและใยอาหารให้กับร่างกาย สำหรับอาหารล้างปากกันดีกว่า ใส่ใจกันหน่อยนะคะเพื่อรูปร่างที่ดีและสุขภาพที่แข็งแรงของเราเอง และคนที่เรารักในระยะยาว
ขอขอบคุณ ที่นี่, พิ้งกี้โกะ
เช็คอินสะสม: 1685 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 1 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 22%

โพสต์ 2013-9-6 20:28:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากครับ

ตอบกระทู้

สำหรับคนที่ขี้เกียจพิมพ์
คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อนที่จะตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รายละเอียดเครดิต

TOP