เช็คอินสะสม: 4681 วัน เช็คอินต่อเนื่อง: 22 วัน
ความคืบหน้าการอัพเกรด: 47%
|
สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
นพ.ภาสกิจ วัณนาวิบูล อธิบายเรื่องขอบตาดำไว้ในนิตยสารหมอชาวบ้าน ว่า
นอกจากสาเหตุที่เกิดจากการกระทบกระแทก ทำให้เกิดการฉีกขาดหรือทำลายหลอดเลือดฝอย มีการไหลของเลือดออกนอกหลอดเลือด ทำให้มีการคั่งค้างของเลือดบริเวณรอบขอบตา ซึ่งมักเกิดทันทีทันใดภายหลังเกิดอุบัติเหตุแล้ว
การเกิดอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไปของสีดำคล้ำบริเวณขอบตาก็เช่นเดียวกัน เป็นการสะท้อนถึงการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดฝอยของตา มีการคั่งค้าง อุดกั้น ไหลเวียนไม่สะดวก เมื่อเวลาผ่านไปการไหลเวียนยิ่งน้อยลง อาการดำคล้ำก็จะสังเกตได้มากขึ้น
ภาวะขอบตาดำอาจเป็นภาวะของสรีรภาพที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง ตอบสนองของร่างกายขณะที่ยังไม่เป็นโรค หรือเป็นพยาธิสภาพที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีรภาพ นานๆ เข้าและไม่ได้รับการเยียวยา
แพทย์แผนจีนพูดถึงความสัมพันธ์ของอวัยวะภายในกับดวงตาไว้ว่า "ตับมีทวารเปิดที่ตา" และ "พลังของไตจะขึ้นบนมากำกับความมีชีวิตชีวาของดวงตา" ขณะที่การแพทย์สมัยใหม่ก็พบว่า คนไข้ที่มีภาวะของไตพร่องและการไหลเวียนของเลือดไม่ดี มักเกี่ยวข้องกับภาวการณ์แปรปรวนของระบบต่อมไร้ท่อ ฮอร์โมน ต่อมหมวกไต โรคหัวใจขาดเลือด และโรคที่เกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของเลือดติดขัด
โรคที่เกิดจากภาวการณ์สูญเสียพลังอย่างต่อเนื่องยาวนานจะมีผลต่อการไหลเวียนของหลอดเลือดเล็กๆ ที่ปรากฏรอบๆ ดวงตา และเม็ดสีที่บริเวณนั้นด้วย
ขอบตาดำคล้ำจากภาวะเสียสมดุล ดังนี้
1.นอนหลับไม่เพียงพอ
2.การอ่อนล้าของระบบประสาทจากภาวะเครียด กลุ้มใจ ตรากตรำ วิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด ร่วมกับการพักผ่อนไม่เพียงพอ
3.กินของเย็นขณะมีประจำเดือน หรือกินน้ำแข็ง ของเย็นเป็นประจำ มีการแปรปรวนของฮอร์โมนและภาวะความเป็นกรดมากขึ้นของร่างกาย (ในภาวะร่างกายปกติ เป็นด่างเล็กน้อย ภาวะของสารเม็ดสีจะไม่มีสี แต่ถ้าเป็นภาวะกรดจะเป็นสีดำ)
4.ภาวะความเป็นกรดมากขึ้นมีสาเหตุจากหลายปัจจัย เช่น ยา อาหาร สารพิษ โรคตับ ฯลฯ ภาวะสารแคลเซียมในร่างกายน้อย (แคลเซียมมีมากในสารพวกผักสีเขียว กระดูก ปลากรอบ ฯลฯ มีหน้าที่รักษาสมดุลของกรดและด่าง)
5.การกินอาหารพวกแป้งและของหวานมากเกินไป จะทำให้เกิดกระบวนการเผาผลาญ มีคาร์บอนไดออกไซด์มาก ทำให้เลือดดำคล้ำ ควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกเนื้อสัตว์
6.การมีเพศสัมพันธ์ที่มากเกินไป จะสูญเสียพลังและสารจำเป็น รวมทั้งการมีอาชีพที่ต้องทำงานกลางคืน ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ
7.การสูญเสียพลังเรื้อรัง หรือภายหลังการเจ็บป่วยเรื้อรัง แพทย์ถือว่าการตั้งครรภ์บ่อยๆ การคลอดลูกแต่ละครั้งมีการทำลายพลังดั้งเดิม (พลังของไต) รวมทั้งการเจ็บป่วยเรื้อรังก็มีการทำลายพลังของร่างกาย จึงควรสนใจสร้างเสริมพลังและป้องกันการสูญเสียพลังของร่างกายแต่เนิ่นๆ
อาการอื่นๆ ที่ต้องสนใจและมีความเกี่ยวข้องกับขอบตาดำคล้ำ ได้แก่ อาการที่บ่งบอกถึงภาวะของตับและไตพร่อง ได้แก่ ปวดเมื่อยเอว สีหน้าขาวซีด กลัวหนาว แขนขาเย็น มีตกขาวใส มีอาการร้อนตามฝ่ามือฝ่าเท้า ไข้ต่ำๆ นอนไม่หลับ ฝันบ่อย ฯลฯ
การดูแลรักษา
1.รักษาเฉพาะที่ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณตาประมาณ 10 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด หรือใช้ก้อนน้ำแข็งห่อด้วยผ้าบางๆ ประคบสลับกับผ้าชุบน้ำอุ่น ทั้งนี้เพื่อทำให้หลอดเลือดหดตัวเพื่อเพิ่มแรงดันในหลอดเลือดฝอย ใช้ประคบเย็นประมาณ 5 นาที
2.หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เสียพลังอย่างสะสม งดของเย็น น้ำแข็ง โดยเฉพาะหลังกินอาหารเสริมบำรุงร่างกายให้เต็มที่ภายหลังการ สูญเสียพลัง เช่น จากการคลอดลูก การเจ็บป่วยเรื้อรัง
3.พักผ่อนแต่หัวค่ำ นอนหลับให้เพียงพอ
4.ลดอาหารจำพวกเพิ่มกรด เช่น ของหวาน แป้ง และเนื้อสัตว์ ให้กินอาหารพวกผักและผลไม้ให้ขอขอบคุณ ที่นี่, จิ่มจุ่ม |
|