สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
สมองของเราก็ต้องหมั่นบริหารบ่อยๆภาวะโรคสมองเสื่อมจะได้ ไม่มาเยือน สำนักพิมพ์ บี พลัส พับลิชชิ่งจัดมินิเวิร์กช็อป “ปฏิบัติการฟิตสมองของคนทุกวัย” พร้อมแนะนำหนังสือ “สมองฟิต ความคิดปิ๊ง” ในคราวเดียวกัน ที่ร้านนายอินทร์ พารากอนเมื่อไม่นานมานี้
อดีตแชมป์รายการ “อัจฉริยะข้ามคืน” หน้าสวย อารมณ์แจ่มใส “หนูดี-วนิษา เรซ” ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพมี เทคนิคง่ายๆ ว่า “เริ่มจากปรับสมองในส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน เช่น ไม่ค่อยได้เขียนหนังสือบ่อยก็อาจหาวิธีสนุกๆ คือ ลองเขียนอักษรบนอากาศเริ่มจากข้างที่ถนัดจากนั้นก็ลองเขียนข้างที่ไม่ถนัดดู แล้วต่อด้วยเขียนไปพร้อมๆกัน จะสังเกตได้ว่าถ้าเขียนพร้อมๆ กันมันก็จะเหมือนเขียนบนกระจกเงา อีกสักพักเราก็จะชินจนพัฒนาไปถึงการเขียนหนังสือย้อนจากหลังมาหน้าได้
หรือ อีกวิธีที่เบสิกคือระบบการหายใจ หลายคนอาจสงสัยว่า มันไปเกี่ยวกับการบริหารสมองได้อย่างไรอยากจะอธิบายว่า สมองมีความต้องการปริมาณออกซิเจนคิดเป็น 20% ของร่างกาย แม้สมองจะมีขนาดแค่ 2% ของร่างกาย แต่ก็ต้องการออกซิเจนสูงมากเราจึงต้องสูดลมหายใจรับออกซิเจนเข้าไป เพื่อให้สมองทำงานได้เต็มที่และมีประสิทธิภาพการหายใจให้ถูกวิธี ควรยืดตัวให้ตรงหายใจให้เต็มปอด จังหวะที่หายใจเข้าให้ท้องป่องหายใจออกท้องแฟ่บ นี่ถือเป็นเทคนิคสำคัญที่อาจดูเล็กน้อยแต่สำคัญมากนะคะ”
พญ.ธนีนาถ ตรีรัตน์วิรพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง กล่าวถึงภาวะโรคสมองเสื่อมมักจะพบในคนอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป สร้างภาระให้กับผู้ที่ดูแล เพราะเป็นโรคที่เรื้อรัง “สาเหตุที่เกิดโรคสมองเสื่อมมาจากการเป็นอัลไซเมอร์ แต่ในส่วนของคนไทยส่วนใหญ่เกิดจากโรคหลอดเลือด,โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง ไขมันเกาะเส้นหลอดเลือดมากทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองลำบาก ฝืด ติดขัด อาการระยะแรกคือ ความจำเลอะเลือน,เสื่อมในการใช้ภาษา, เสื่อมในด้านพฤติกรรมและอารมณ์คน ที่เป็นโรคสมองเสื่อมที่เรียกว่าลืมแบบไม่เหมาะสม เช่น ลืมโทรศัพท์ในตู้เย็น สามารถรักษาได้ด้วยการบริหารตามหลัก 5 อ. คือ ออกกำลังกาย, อาหาร,อโรคยา, อารมณ์ และอนามัยค่ะ”. ขอขอบคุณ ที่นี่, จิ่มจุ่ม |