สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
คน 5 ประเภท ตามหลักขงจื้อ
ในเส้นทางการพัฒนาตัวเองตามทัศนะของขงจื๊อนั้นขงจื๊อได้จำแนกคนออกเป็น 5 ประเภท คือ สามัญชน บัณฑิต ปราชญ์ วิญญูชน และอริยบุคคลโดยเรียงลำดับจากขั้นต่ำมาขั้นสูง ซึ่งสะท้อน วิวัฒนาการทางจิตของคนผู้นั้นด้วยกล่าวคือ
ระดับที่ 1 "สามัญชน" คือคนที่ไม่ค่อยเคารพปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่สามารถกล่าวเขียนวาจาที่สะท้อนความมีสติปัญญาไม่เคยคิดที่จะคบนักปราชญ์ ชีวิตไม่มีเป้าหมาย รู้แต่เรื่องเฉพาะหน้าไม่มีอุดมคติที่ลึกซึ้งกว้างไกล ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองในเชิงปณิธานชอบเปลี่ยนความคิดไปตามกระแสที่เข้ามากระทบ และไม่ยืนหยัดในหลักการ
ระดับที่ 2 "บัณฑิต" คือบุคคลที่แม้ไม่เข้าใจเหตุผลที่ลึกซึ้ง ไม่สามารถบำเพ็ญคุณธรรมอย่างหมดจดแต่ก็มีความรู้และความเชื่อบางอย่าง ทำงานและประพฤติตัวตามหลักการบางอย่าง เพราะฉะนั้นถึงระดับความรู้ความเข้าใจจะมีข้อจำกัดก็ยึดกุมความรู้ความเข้าใจได้ในระดับจำกัดนั้นอย่างแม่นยำถึงระดับความสามารถในการพูดจะมีข้อจำกัด ก็เข้าใจเหตุผลที่กำลังพูดอย่างแท้จริง ถึงระดับความสามารถในการสื่อด้วยความประพฤติจะมีจำกัดก็ระมัดระวังความประพฤติของตัวเองเสมอ พวกเขาจึงสามารถเผชิญความจริงภายใต้ข้อจำกัดของตัวเอง
ระดับที่ 3 "ปราชญ์" คือบุคคลที่ประพฤติตัวอยู่ในทำนองคลองธรรมมีวาจาเที่ยงแท้เป็นที่น่าเชื่อถือมีความรู้และคุณธรรมมากพอที่จะเป็นแบบอย่างแก่ราษฎรทั่วแผ่นดินได้
ระดับที่ 4 "วิญญูชน" คือบุคคลที่ศึกษาความรู้บ่มเพาะคุณธรรมอย่างทุ่มเทพูดจริงทำจริง ไม่บ่นโทษ ไม่นินทา ไม่พยาบาท มีคุณธรรมสูงส่งแต่ไม่เย่อหยิ่งทะนงตน มีสติปัญญาเลิศล้ำ แต่กลับมีท่าทีอบอุ่น นอบน้อมจนดูคล้ายไร้สติปัญญา ทั้งๆ ที่แท้ที่จริงแล้วมีความสามารถอันลึกล้ำหาผู้ใดเสมอยาก
ระดับที่ 5 "อริยบุคคล" คือบุคคลที่มีจิตใจสูงส่งน่าบูชาดุจฟ้าดินแต่สามารถปรับตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม มีสติปัญญาแจ่มจ้าดุจแสงแห่งสุริยันจันทราสามารถหยั่งรู้รากเหง้าของสรรพสิ่ง ยามดำเนินมรรคธรรมจะประหนึ่งฟ้าดินหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตโดยไม่ลำเลิกและเหล่าราษฎรทั้งปวงก็หารู้ไม่ว่ารับบุญคุณท่านแล้ว คนทั่วไปจึงไม่ทราบว่า ท่านได้ทำอะไรบ้างไม่ทราบว่าท่านมีคุณธรรมสูงส่งเพียงใด ดุจเดียวกับที่ไม่เข้าใจความลับของฟ้าดิน
การรุดหน้าไปสู่ สังคมความรู้ และสังคมปัญญา โดยที่สามารถแก้ไขปัญหาการตกต่ำทางศีลธรรมได้ด้วยนั้น แท้ที่จริงก็คือ กระบวนการขัดเกลาประชาชนและให้การศึกษาประชาชนอย่างรอบด้านในทุกมิติอย่างบูรณาการ โดยไม่ละเลยด้านใดด้านหนึ่งหรือเน้นด้านใดด้านหนึ่งจนเสียสมดุลซึ่งต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง และยาวนานพอที่สามัญชนส่วนใหญ่จะเริ่มกลายเป็นบัณฑิต ขณะที่บัณฑิตก็เริ่มกลายเป็นปราชญ์และปราชญ์ก็เริ่มกลายเป็นวิญญูชน โดยที่วิญญูชนก็เริ่มกลายเป็นอริยบุคคลนั่นเอง แต่กระบวนการขัดเกลาประชาชนเช่นข้างต้นนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากผู้มีอำนาจยังคงหลงผิดแลเห็นกงจักรเป็นดอกบัวอยู่ ขอขอบคุณ ที่นี่, จิ่มจุ่ม |