ดู: 307|ตอบกลับ: 2

A: วิธีลดพุงให้คุณพ่อ

[คัดลอกลิงก์]
Dew
เช็คอินสะสม: 4715 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 56 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 48%

สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก

x
วิธีลดพุง.jpg
วิธีดูว่าลงพุงหรือไม่ ให้เอาสายวัดมาวัดในแนวระนาบระดับสะดือหากรูปร่างสูงใหญ่แบบฝรั่ง ผู้ชายควรวัดได้ไม่เกิน 102 ซม.ผู้หญิงไม่ควรเกิน 88 ซม. สำหรับคนไทยที่ตัวเล็กกว่ากระทรวงสาธารณสุขกำหนดมาตรฐานพุงของคนไทยว่า ผู้ชายต้องไม่เกิน 90 ซม. และผู้หญิงต้องไม่เกิน 80 ซม.

สำหรับผู้หญิงควรมีไขมันในพุงเพียง 5-8% ส่วนผู้ชายไว้พุงได้มากกว่าคือ 20% แต่ต้องไม่มากกว่านี้สุดท้ายคนที่มีพุงใหญ่ ๆ มักจะเป็นโรคความดันเลือดสูงร่วมด้วย

แล้วทำอย่างไรจึงจะลดพุงลงได้

1. ลดน้ำหนักตัวลง วิธีลดน้ำหนักไม่มีอะไรมากกว่ากินให้น้อยลง รีดน้ำหนักตัวออกให้มากขึ้นเคยเขียนถึงวิธีลดน้ำหนักทั้งแบบอดและไม่อดอาหารมาหลายครั้งแล้ว

ข่าวดีก็คือ เมื่อน้ำหนักตัวลดลง พุงจะยุบไปก่อนไขมันใต้ผิวหนังในที่อื่นๆ พุงจึงหายไปได้เร็วเป็นอันดับแรก

2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่นสัปดาห์ละ 3 วัน 5 วัน หรือทุกวัน เพราะพ่อบางคนก็เกษียณแล้ว หันมาออกกำลังกายเสริมสุขภาพจะดีกว่าการนั่งๆ นอน ๆอยู่เฉย ๆ

การออกกำลังกายสำหรับพ่อ ควรเป็นการเดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เพราะจะถนอมข้อเข่าข้อเท้าได้ดีกว่า ออกกำลังกายนานครั้งละ 30-45 นาที และควรมีการบริหารร่างกายเพื่อความฟิตร่วมด้วย ท่าซิทอัพนั้นเหมาะสำหรับการลดพุงในผู้ชายเพราะจะเป็นการลดไขมันหน้าท้องส่วนบนโดยตรง

3. หากไม่อยากมีพุง ควรงดแอลกอฮอล์ทุกประเภท ไม่เว้นไวน์ เบียร์ วิสกี้ซึ่งอาจจะเป็นของโปรดของพ่อคงเคยได้ยินฝรั่งเรียกพุงกลม ๆ ของผู้ชายว่า beerbelly แปลว่า พุงนั้นเกิดจากการกินเบียร์

ทั้งนี้เป็นเพราะ เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย จะถูกเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลในทันทีและจะถูกเปลี่ยนเป็นเนื้อเยื่อไขมันไปสะสมที่พุง ถ้าไม่เลิกเหล้า ไวน์ เบียร์ก็คงไม่มีทางลดพุงลงได้


ขอขอบคุณ ที่นี่, ขวัญเรือน

A: กินผลไม้อย่างให้ได้รับประโยชน์สูงสุด
ผลไม้เป็น สิ่งจำเป็นที่คนเราควรรับประทาน เพราะในผลไม้มีกากใยอาหารและวิตามิน เกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่มากมาย อีกทั้งน้ำและกากใยในผลไม้ช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายจึงช่วยลดน้ำหนักได้ และร่างกายจะใช้ประโยชน์จากผลไม้สูงสุดต่อเมื่อคนนั้นต้องกินผลไม้อย่างถูกวิธีคือ
การกินผลไม้ขณะที่ท้องว่าง ไม่ควรกินผลไม้พร้อมกับหรือหลังอาหารอื่นๆหรือหากกินผลไม้แล้วจะกินอาหารอื่นตาม ก็ควรรอเวลาอย่างน้อย 20-30 นาทีเพื่อให้ผลไม้ที่กินเข้าไปตกสู่ลำไส้เล็กและดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่

เหตุผลที่ห้ามกินผลไม้หลังอาหารเมื่ออาหารตกถึงกระเพาะจะใช้เวลาย่อยประมาณ 4 ชั่วโมง หากกินผลไม้ตามลงไปแทนที่จะผ่านไปยังลำไส้เล็กได้เลยก็จะต้องถูกขัดขวางจากอาหารที่รอการย่อยเหล่านั้นระหว่างนี้ทั้งอาหารและผลไม้ที่ผสมกันในกระเพาะจึงอาจทำให้เกิดการหมักบูด เกิดแก๊สซึ่งมีผลให้เกิดอาการแน่น จุก หรือไม่สบายท้องได้
คุณค่าของผลไม้จะให้ประโยชน์กับเราเต็มที่เมื่อกินขณะท้องว่าง แต่หากใครที่กินผลไม้ไม่ถูกวิธีแต่ไม่รู้สึกแย่อะไร ก็แสดงว่าร่างกายคุณปรับตัวได้ดีแต่คุณอาจไม่ได้รับคุณค่าของผลไม้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น  ดังนั้นหากใครที่กินอาหารแล้วต้องการกินผลไม้ตาม ควรรอเวลาให้อาหารที่กินเข้าไปก่อนหน้านั้นย่อยหมดก่อนแล้วจึงค่อยกินผลไม้
คำแนะนำการกินผลไม้
-หากเป็นอาหารเบาๆ เช่น สลัดผักสด ใช้เวลารอประมาณ 2 ชั่วโมง
-หากคุณเพิ่งกินอาหารหนักอย่างเช่น ข้าว หรือเนื้อสัตว์ ที่ใช้เวลาย่อยนานขึ้นก็อาจต้องรออย่างน้อย 4 ชั่วโมง                               -หากกินอาหารหลายๆอย่างรวมกัน มีกากใยน้อย ย่อยยากขึ้น ก็อาจใช้เวลามากถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียวซึ่งไม่แนะนำให้กินผลไม้ตามไปในช่วงเวลานั้นเลย
**ดังนั้น เวลาที่เหมาะสมที่สุดที่ควรจะกินผลไม้ คือ ช่วงเช้าของทุกวันตั้งแต่ตอนตื่นจนถึงเที่ยงเนื่องจากร่างกายจะช่วยให้เรามีพลังงานเหลือเฟือไว้ใช้ประโยชน์กับกิจกรรมอื่นๆอีกทั้งช่วยให้สุขภาพดี กระชุ่มกระชวย อยู่เสมอ **

ขอขอบคุณที่นี่, จิ่มจุ่ม
เช็คอินสะสม: 1685 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 1 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 22%

โพสต์ 2013-11-21 18:41:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากครับ
เช็คอินสะสม: 135 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 0 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 100%

โพสต์ 2013-11-21 19:42:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ลดให้ตัวเองดีกว่า

ตอบกระทู้

สำหรับคนที่ขี้เกียจพิมพ์
คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อนที่จะตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รายละเอียดเครดิต

TOP