สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
เพื่อนๆทราบไหมว่าใน การผลิตผงชูรสทั้งแบบก้อนและแบบผลในประเทศไทยใช้แป้งมันสำปะหลังและกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบหลัก แต่แหล่งข่าวที่ผมรู้จักยืนยันว่ามันมีอะไรแปลกๆ มากกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่มาจากกระดูกสัตว์ อย่างกระดูกวัว กระดูกควาย โซดาไฟและปุ๋ยยูเรีย ก็คิดดูเองสิว่าทำไมของเหลวที่เกิดจากกระบวนการผลิต ทำไมยังสามารถนำไปขายให้เกษตรกรไปเป็นปุ๋ยน้ำรดไร่นาจนพืชขึ้นเขียวขจี (แต่กลายพันธุ์ด้วยหรือเปล่าไม่รับรองนะ) ก็ลองสังเกตุดูสิว่าคนงานในโรงงานและชุุมชนที่อาศัยอยู่รอบๆ โรงงานผลิตผงชูรสถึงมีอาการอิดโรย ป่วยกระเสาะ กระแสะกันทั้งชุมชนเพื่อนๆ ผมที่อยู่โรงงานผลิตผลชูรส เขายังไม่กินผงชูรสเลยแต่ถ้าเขาจะนำผลชูรสผสมน้ำอุ่นแล้วไปขัดห้องน้ำ ขัดหม้อ ที่มีเขม่าดำขัดหัวเข็มขัดทองเหลือง ขัดสร้อยเงิน แช่เหรียญเก่า หรือแช่พระกรุ ก็ไม่แน่เพราะผมเคยลองขัดดูแล้วเวิร์กมากๆถ้าไม่เชื่อท่านผู้อ่านลองดูเองนะครับ จริงๆแล้วผงชูรส ไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการเลยแม้แต่นิดเดียว “ผงชูรส มีประโยชน์เพียงทำให้อาการมีรสชาติโดยรวมดีขึ้นต้องใส่ในปริมาณเหมาะสม ” อันตรายของผงชูรสถูกแบ่งออกเป็น2 ส่วนคือ 1).พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากเกลือโซเดียม กล่าวคือผงชูรสมีโซเดียมที่มาจากโซดาไฟเป็นองค์ประกอบสำคัญเช่นเดียวกับเกลือแกง แต่อันตรายมากกว่าเก ลืองแกงตรงที่ว่าเกลือแกงใช้เพียงนิดเดียวก็รู้สึกว่ามีรสเค็มแต่ผงชูรสใส่มากเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกตัวว่ามีปริมาณโซเดียมมากเท่าไหร่ เพราะไม่มีรสเค้าให้รู้สึกหรือพูดอีกนัยหนึ่งผลชูรสมีพิษแฝงในเรื่องโซเดียว ซึ่งมีพิษภัยอันตรายดังนี้ 1.1) ทำให้ภูมิต้านทานหรือภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ลดลง ถึงแม้ผลชูรสจะไม่ทำให้ใครเป็นเอดส์แต่มันทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง ยิ่งถ้าคนป่วยเป็นเอดส์มาทานอาหารทีาใส่ผงชูรสยิ่งทำให้ตายเร็วกว่าที่ควรเป็นครับ 1.2) ทำให้เกิดการคลั่งในสมองเด็กซึ่งเมื่องเด็กโตขึ้นจะเป็นคนปัญญาอ่อน ในปัจจุบันมีเด็นปัญญาอ่อนเพ่ิมมากขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่มีผงชุรสแพร่หลายในประเทศไทย ผงชูรสทำให้เด็กทารกเกิดอาการชักโคม่า ซึ่งบางครั้งแพทย์ไม่รู้สามเหตุอาจทำให้รักษาผิดพลาดเป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ยังเป็นภัยต่อหญิงมีครรภ์ ทำให้ร่างกายบอมและยังมีพิษภัยต่อทารกในครรภ์และทารกแรกเกิดด้วย 1.3) ผงชูรสเป็นอันตรายต่อผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ อาทิ เช่น โรคไต ความดันสูง และโรคหัวใจเป็นต้น
2.)พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากตัวผงชูรสแท้ ส่งผลดังนี้ 2.1)ทำ ให้เกิดอาการแพ้ผงชูรส ซึ่งจะมีอาการชา และร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้นใบหน้า โหนกแก้วต้นคอ หน้าอก บางคนมีผื่นแดงเกิดขึ้นตามตัว แน่นหน้าอก หัวใจเต้นช้าลงหายใจไม่สะดวก เป็นต้น จนเป็นที่รู้จักและขนานนามโรคแพ้ผงชูรสในภัตตาคารจีน 2.2)ทำลายสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตและระบบสืบพันธุ์ของร่างกายทำให้เจริญเติบโตช้า ปัญญาอ่อน ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ เป็นหมัน อวัยวะสืบพันธุ์เล็กลงทั้งในเรื่องของขนาดและน้ำหนัก 2.3)ทำลายระบบประสาทตา สายตาเสียหรือเกิดตาบอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัตว์ทดลองยิ่งอายุน้อย จะยิ่งเกิดผลร้ายมาก 2.4)ทำลายกระดูกและไขกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่ผลิตเม็ดเลือดแดงในร่างกายทำให้โลหิตจากได้ 2.5)ทำให้วิตามินในร้างกายลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี 6 แก้โรคแพ้ผงชูรสได้ 2.6)เกิดโรคมะเร็ง 2.7)ทำลายระบบประสาทส่วนกลางทำให้เป็นโรคประสาทได้ง่ายขึ้น 2.8)เปลี่ยนแปลงโครโมโซม ทำให้ผิดปกติ ปากแหว่ง หูแหว่ง และจมูกวิ่นแขนขาพิการ เป็นต้น แต่ ถึงเห็นพิษภัยขนาดนี้ประชาชนตาดำๆอย่างเราคงจะหลีกเลี่ยงผลชูรสได้ยาก เพราะตั้งแต่ภัตตาคารใหญ่ๆ จนไปถึงร้านข้างถนนยังขาดความรู้เรื่องโทษจากผงชูรสเรามาเริ่มต้นจากบ้านของเรา ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ กินอาหารที่ปรุงรสอ่อนๆก็พออย่าปรุงให้มากเกิน อะไรที่มากเกินไม่ใช่ว่าจะดีเสอมไปเนอะ ของทุกอย่างถ้าเรากินแต่พอเหมาะมันก็จะดีกับตัวเรา ^^ ขอบคุณที่มากจากฐานเศรษฐกิจ คอลัมม์ ภาคภูมิชวนคิด ดร.ภาคภูมิเตชสกุลฤทธิ์
|