ดู: 356|ตอบกลับ: 2

A: คอเบียร์ต้องรู้! เบียร์มีแบบไหนบ้าง ? กินยังไงให้อร่อย ?

[คัดลอกลิงก์]
Dew
เช็คอินสะสม: 4715 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 56 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 48%

สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก

x
รู้หรือไม่!? เรื่องจริงของเบียร์และทิปส์การดื่มเบียร์ให้อร่อยที่คอเบียร์ห้ามพลาด
1
ส่วนประกอบของเบียร์

                               b1.jpg
เบียร์มีส่วนผสมหลัก4 อย่างคือ

  • น้ำ – เป็นส่วนประกอบสำคัญประมาณ     90% ขึ้นไป มีเกลือแร่ต่างๆด้วย จึงทำให้เบียร์มีรสชาติต่างกันไป
  • ฮ็อพ (Hobs)     –     เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งใช้เพื่อรักษาความสมดุลหรือเพิ่มรสชาติของเบียร์     ฮ็อพทำให้เบียร์มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
  • ข้าวบาร์เลย์ที่นำมาเพาะและอบให้แห้ง (Barley malt) - จะทำให้เกิดน้ำตาลที่ยีสต์สามารถกินได้
  • ยีสต์ (Yeast)     –     จุลินทรีย์ที่กินน้ำตาลที่พบในข้าวบาร์เลย์     และแปลงเป็นแอลกอฮอล์และก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ (ฟอง)
o    เมื่อรวมส่วนผสมหลักเหล่านี้เข้าด้วยกันในกระบวนการหมักเราก็จะได้เบียร์ขึ้นมา
o    เบียร์รสชาติแปลกๆ ของแต่ละยี่ห้อ ก็จะใส่ส่วนผสมอื่นๆเข้าไปเพื่อสร้างรสชาติที่แตกต่างกัน
2
ประเภทของเบียร์
b2.jpg
เบียร์มีอยู่สองประเภทหลักคือ เอลล์ (Ales) และ ลาเกอร์(Lager)
เอลล์ (Ales)
o    เบียร์หมักยีสต์ลอยหน้าคือที่เกิดจากการหมักขึ้นที่ด้านบนสุดของถังหมัก
o    ถูกหมักที่อุณหภูมิสูงกว่าลาเกอร์เบียร์ ประมาณ 10-15 องศา
o    ใช้เวลาหมักน้อยกว่าลาเกอร์เบียร์ ประมาณ 2-3 สัปดาห์
o    เบียร์มีสีเข้ม รสชาติเข้มข้น

ลาเกอร์ (
Lager beer)
o    เบียร์หมักยีสต์นอนก้น คือ เกิดจากการหมักขึ้นที่ก้นของถังหมัก
o    ลาเกอร์เบียร์หมักที่อุณหภูมิไม่เกิน 5 องศา
o    ลาเกอร์ถูกหมักที่อุณหภูมิเย็นกว่า ส่งผลให้ได้เบียร์ที่ใส สดและเรียบเนียนกว่าเบียร์เอลล์
o    ใช้เวลาหมักมากกว่าเอลล์ ประมาณ 4 สัปดาห์
o    เบียร์ที่ผลิตจากผู้ผลิตยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดจะเป็นแบบ Lagersซึ่งเหมาะกับอากาศการดื่มในเมืองร้อนๆอย่างประเทศไทยมากกว่า
3
MacroBrewsvs MicroBrews (craft beer)

b3.jpg
การผลิตเบียร์จะถูกแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
MacroBrewsคือการผลิตเบียร์แบบโรงงานโดยการใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ในปริมาณมาก
อีกประเภทเรียกว่า Craft Beer หรือ MicroBrews คือการผลิตเบียร์แบบ handmade หมักในถังมีกำลังการผลิตต่อปีไม่มากนัก เน้นขายในบริเวณท้องถิ่นและมีการปรุงแต่งให้มีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัว โดยการใช้ malt ที่ผลิตจากวัตถุดิบท้องถิ่น
4
Draftvs Bottle

b4.jpg
DraftBeer มักจะอยู่ในรูปแบบ Keg หรือถังเป็นเบียร์ที่ยังไม่ผ่าน pasteurization process ต้องเก็บรักษาให้เย็นอยู่ตลอดเวลาเก็บได้ไม่นาน มีความสดกว่า รสชาติดีกว่าเบียร์แบบขวด ที่ผ่าน pasteurizationprocess และเจอกับความร้อนในกระบวนการบรรจุใส่ขวด ทำให้รสชาติเสียไป
นอกจากนี้Draft Beer มักเสริฟจากtap ใส่แก้ว เราจะได้เบียร์ที่มีฟองนุ่มปิดอยู่ด้านบนทำให้การดื่มเบียร์ ได้รสชาติที่ดีมากขึ้น
5
Tips การดื่มเบียร์ให้อร่อย

b5.jpg
o    เบียร์ขวดหรือกระป๋อง แม้ว่าจะผ่านการฆ่าเชื้อแล้วก็ไม่ควรเก็บไว้นานนักเพราะเบียร์จะเสียกลิ่นและรส ควรรีบดื่มก่อนภายในเวลา 3-4เดือนหลังจากวันที่ผลิตจากโรงงาน
o    อุณหภูมิในการเก็บที่ดีคือระหว่าง 4.5-21 องศาเซลเซียส
o    เก็บให้ห่างแสงแดดเพราะจะทำให้เบียร์เสื่อมคุณภาพ
o    เพื่อให้ได้รสชาติเบียร์แท้ๆ ไม่ควรใส่น้ำแข็งแต่ให้ใส่ในแก้วที่พอดีแล้วกินให้หมดก่อนที่เบียร์จะหายเย็น
o    เบียร์ที่มีกลิ่นหอม ควรกินใส่แก้วปากกว้าทรงทิวลิปเวลาดื่มจะได้กลิ่นของเบียร์ด้วย ยิ่งอร่อย
o    เบียร์ที่แอลกอฮอล์ต่ำ เหมาะกับอาหารเบาๆ เช่น สลัด ปลา เมนูนูเรียกน้ำย่อย
o    เบียร์ที่แอลกอฮอล์สูง เหมาะกับอาหารหนัก หรือรสจัด เช่น สเต็กข้าวปั้น ซูชิ ฯลฯ
6
เบียร์ที่แนะนำ
b6.jpg
HitachinoBeerคราฟต์เบียร์จากญี่ปุ่นที่ทานง่าย รสชาติดี ถูกปากคนไทยเหมาะที่จะดื่มคู่กับอาหารเอเชียโดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่น สามารถหาซื้อใน supermarket หรือว่าจะมาทานที่8owls Japanese Dining Bar ก็ได้นะ


1.
HitachinoNest White Ale
เป็นเบียร์style Belgianไวท์(สไตล์ดั้งเดิมของเบียร์ประเทศเบลเยี่ยม) ที่มีส่วนผสมของข้าวบาเล่ย์ , ข้าวสาลี เปลือกส้ม เมล็ดสาลี และลูกจันทน์เทศ มีกลิ่นหอมรสชาติละมุนลงตัว ตามแบบฉบับของCraftเบียร์ญี่ปุ่น อย่างHitachino

2. HitachinoNest Nipponia (Ancient Nipponia)
Hitachino Nest Nipponia หนึ่งในสุดยอดเบียร์Pilsnerที่ผลิตจากข้าวและฮ๊อปสายพันธุ์ญี่ปุ่น ความพิเศษของเบียร์ตัวนี้คือ Hitachinoได้คัดสรรและใช้วัตถุดิบจากในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด โดยใช้Malt พันธุ์ KanekoGolden ซึ่งเป็นสายพันธุ์โบราณที่ได้หายสาบสูญไปแล้วกว่า50ปี และทางHitachinoร่วมกับกรมประวัติศาสตร์เกษตรญี่ปุ่นพัฒนาเมล็ดพันธ์ที่เหลืออยู่เพียง16เมล็ด จนได้มาเป็นmaltอันแสนจะวิเศษนี้และผสมกับHopsSorachi Ace ที่มีกลิ่นหอมสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ
3. HitachinoNest Red Rice Ale
ผลิตจากข้าวแดงสายพันธ์โบราณหมักในถังสาเก เป็นเบียร์ที่มีเอกลักษณ์โดดเล่นมีรสชาติและความซับซ้อนของสาเกและกลิ่นหอมของสตรอว์เบอร์รี่ในตอนท้าย
เช็คอินสะสม: 1685 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 1 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 22%

โพสต์ 2015-3-30 20:35:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากครับ
เช็คอินสะสม: 4426 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 108 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 67%

โพสต์ 2015-4-1 17:56:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
thank you 2015

ตอบกระทู้

สำหรับคนที่ขี้เกียจพิมพ์
คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อนที่จะตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รายละเอียดเครดิต

TOP