ดู: 1339|ตอบกลับ: 1

งานอดิเรกจากการทำขนมที่เพิ่มความสุขและรายได้

[คัดลอกลิงก์]

ยังไม่ได้เช็คอิน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 11%

สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก

x
pj10.jpg

ในช่วงวิกฤตโรคระบาดอย่างโควิด-19 ที่ใครหลายคนจำต้องออกจากงานประจำ ซึ่งทำให้รายได้หลักหายไป และมีไม่น้อยที่พอจะนำความรู้ที่เคยมีมาจากการเรียนการทำอาหารหรือทำขนมทั้งจากโรงเรียนสอนทำอาหารหรือจะเรียนเองจากยูทูป ต่างก็ผันมาลองทำทั้งอาหารและขนมกันมากมาย ยิ่งเราไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ แต่แค่เพียงใช้ประโยชน์จากการส่งเดลิเวอรี่จากทั้งไลน์ แกรป หรือฟู๊ดแพนด้า


เมื่องานอดิเรกที่เราเคยลองทำในเวลาว่างจากงานประจำกลายมาเป็นงานหลักที่เราต้องทำและเพื่อประกอบอาชีพสุจริต ไม่ว่างานนั้นจะเปลี่ยนจากงานเดิมที่เคยทำมากเพียงใด การปรับตัวของเราคือปัจจัยสำคัญ เพราะถ้าเราปรับตัวไม่ได้กับวิกฤตนี้ เราก็จะอยู่อย่างลำบาก และเนื่องจากอาหารคือสิ่งจำเป็นและสำคัญสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ เราจึงต้องรับประทานอาหารและคนที่ต้องการอาหารนั้นมีอยู่แทบทุกที่ นอกจากอาหารคาวแล้ว สิ่งที่เติมเต็มความสุขให้หอมหวานก็คงจะเป็นอาหารหวาน หรือขนมต่างๆ อุปกรณ์ต่างๆที่ต้องมีและต้องเตรียมในการทำขนมนั้น หลักๆก็คงจะต้องเป็น เตาอบ ที่สามารถทำได้ทั้งเตาอบขนม หรือทำอาหารได้หลากหลายประเภท เคล็ดลับการเพิ่มความสุขจากการทำงานต่างๆนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานประจำหรืองานอดิเรกนั้นทำได้โดย เปลี่ยนมุมคิด คนเรานี้ต้องการให้ชีวิตมีความสุข และในการที่จะให้ชีวิต มีความสุขนั้น งานเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขได้ แต่ ในเวลาที่เรามองว่างานทำให้ชีวิตมีความสุขได้นี่ เรามองกันอย่างไร เรามักจะมองไปที่ผลที่จะเกิดขึ้นหลังจากทำงานแล้ว คือมองด้วย ความหวังว่าหลังจากทำงานแล้วเราจะได้เงิน แล้วจะได้นำไปซื้อ ของต่าง ๆ ที่เราชอบใจ หรือไปเที่ยวที่โน่นที่นั่น กินใช้เที่ยวเล่น แล้วเราก็จะมีความสุข เป็นการคิดหมายไปข้างหน้าในอนาคตว่า หลังจากทำงานไปแล้ว จะได้ผลของงานเป็นเงินทอง ที่จะนำไปใช้จ่าย แล้วก็จะมีความสุขจากการกระทำในอนาคตนั้น ไม่ได้ มองที่ความสุขจากตัวงาน คือไม่ได้มองว่าตัวงานนั้นทำให้มี ความสุข บางทีถึงกับมองว่าตัวงานนั้นเป็นความทุกข์ไปก็มี บางคนไปมองว่าเวลาทำงานเราต้องทน ก็ทนทำมันไป ทำให้ มันเสร็จ แล้วเราก็จะได้รับผลตอบแทน ผลตอบแทนนั่นแหละ จึงจะทำให้เรามีความสุข เราจะไปมีความสุขในอนาคตตอนโน้น ถ้าอย่างนี้ก็แสดงว่า เวลาที่เราจะมีความสุขนี้มันเหลือน้อย เพราะเวลาที่เป็นส่วนใหญ่ของชีวิตเป็นเวลาที่มีความทุกข์ ต้องทน ต้องรอความสุขที่ยังไม่มาถึง คนจำนวนมากจะมองเรื่องงานอย่างนี้ ซึ่งแสดงว่าแม้จะ มองว่าความสุขเป็นผลที่ได้จากงานก็จริง แต่มองกันคนละจุด คือคนทั่วไปมองจุดที่ว่า ตัวงานไม่ใช่ความสุข ต้องได้ผลตอบแทน จากงานนั้น แล้วจึงไปหาความสุขอีกทีหนึ่ง อย่างนี้ก็หมายความว่า ตัวงานนั้นไม่ทำให้เราเกิดความสุขโดยตรง เท่ากับเป็นการบอกว่า ชีวิตของเรานั้นมีความสุข น้อยกว่าส่วนที่ต้องทุกข์ต้องทน หากว่าเรามองงานเป็นเรื่องที่ต้องทุกข์ต้องทน ก็แสดงว่าชีวิต ส่วนใหญ่ต้องทุกข์ต้องทนทถ้าเรามองเสียใหม่ ว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตของเรานี้มีความสุข ให้มากที่สุด ในเมื่องานเป็นชีวิตส่วนใหญ่ของเรา เราก็ต้องหาทาง ทำให้งานเป็นตัวที่ทำให้เกิดความสุข แล้วเวลาส่วนใหญ่ของชีวิต ก็จะมีความสุข และยิ่งกว่านั้นก็คือว่า นอกจากตอนที่ทำงานจะมี ความสุขไปด้วยแล้ว ยังได้รับผลตอบแทนจากการทำงาน แล้วก็ ไปมีความสุขอีก เป็นความสุขซ้อนอีกชั้นหนึ่ง ก็เลยสุขไปหมด สุขสองชั้น สุขตลอดเวลาทเพราะฉะนั้น จุดสำคัญที่จะให้ชีวิตมีความสุข ก็อยู่ที่ว่า เราจะต้องจัดการกับงานหรือปฏิบัติต่องานของเราให้ถูกต้อง ให้มีความสุขในตอนที่ทำงานนั่นแหละ มิฉะนั้นแล้วชีวิตของเรา ส่วนใหญ่จะไม่มีความสุข จะมีส่วนที่เป็นสุขน้อยกว่าส่วนที่เป็นทุกข์ หรือที่ต้องทุกข์ต้องทน ตกลงว่าเราจะทำงานกันให้มีความสุข

Dew
เช็คอินสะสม: 4712 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 53 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 48%

โพสต์ 2020-12-23 08:36:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Thank you very much.

ตอบกระทู้

สำหรับคนที่ขี้เกียจพิมพ์
คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อนที่จะตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รายละเอียดเครดิต

TOP