สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Nuttakorn เมื่อ 2020-12-25 14:52
"เริมเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งโดยจะมีแผลอักเสบเป็นตุ่มใสเล็กๆ รู้สึกปวดแสบปวดร้อน สามารถติดต่อผ่านทางน้ำลาย สารคัดหลั่ง สัมผัสแผลผู้ป่วย เพศสัมพันธ์ หรือใช้สิ่งของร่วมกันกับผู้ป่วย"
เริมคือ ?
เริมคือเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า Herpes simplex virus หรือเราจะเรียกสั้นๆ ว่า HSV จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด
คือ Herpes simplex virus 1 (HSV 1) ทำให้โรค เริมที่ปาก และ Herpes simplex virus (HSV 2) ทำให้เกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศ หากเป็น โรคนี้แล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ถึงแผลจะหายดีแล้วก็ตามไวรัสก็จะฝังอยู่ที่ปมประสาท เมื่อร่างกายอ่อนแอ โรคนี้ก็จะกลับมาเป็นอีกครั้ง
เริมที่ปากติดต่อกันอย่างไร ?
เริมสามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัสเชื้อโดยตรง จากแผล จากตุ่มพอง จากน้ำลาย และการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนั้นการใช้ของอื่นๆ เช่น แก้วน้ำ เสื้อผ้า ช้อนส้อม ร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเริม ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อได้เช่นกัน
อาการของเริมที่ปาก- เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกาย เชื้อไวรัสจะใช้เวลา 2-12 วัน ในการฟักตัว
- เป็นแผลบวมแดง มีตุ่มพองมีน้ำใส ๆ และรู้สึกคัน ขึ้นบริเวณริมฝีปาก
- มีไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว
- มีอาการปวดหรืออักเสบ
- แผลจะแห้งตกสะเก็ดและหายไปเอง 7 -10 วัน
สาเหตุที่ทำให้เริมกลับมาเป็นซ้ำ ๆเมื่อ ร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำ เครียด นอนดึก การพักผ่อนไม่เพียงพอ โรคเริมก็จะกลับมากำเริบอีกเรื่อยๆ หากรักษาสุขภาพให้แข็งแรงโรคนี้ก็จะไม่กลับมาเป็นบ่อย ซึ่งโรคเริมมักจะเป็นอยู่ประมาณ7-10 วัน แล้วแผลก็ตกสะเก็ดแห้งหลุดไปเอง
การรักษาเริมที่ปาก- หมั่นรักษาความสะอาดบริเวณที่เป็นแผล
- ทายาเป็นประจำ จะทำให้แผลแห้งและหายเร็ว
- ยาต้านไวรัส เช่น อะไซโคลเวียร์ แฟมซิโคลเวียร์ และวาลาซิโคลเวียร์ มีทั้งชนิดกินและฉีด
**การใช้ยาในการรักษาเริมที่ปาก ควรเป็นไปตามที่แพทย์กำหนดและควรรับคำปรึกษาจากแพทย์** การป้องกันเริมที่ปาก- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย เพราะมีโอกาสติดเริมและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
- ทำร่างกายให้แข็งแรง ไม่เครียด หากภูมิต้านทานร่างกายดี โอกาสติดเริมที่ปากก็จะลดลง
- หากมีแผลเริมหรือเคยมีเชื้อเริม ต้องระวังการสัมผัสเพราะอาจแพร่เชื้อไปติดผู้อื่นได้
- Oralsexทุกครั้งควรใช้ถุงยางอนามัย
- งานวิจัยหลายที่ยืนยันว่า การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายช่วยลดการติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศได้
สรุปในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคเริมให้หายขาด แต่เราสามารถดูแลตัวเองให้สุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงปัจจัยอื่นที่จะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง ฉะนั้นทางที่ดีที่สุดก็ควรที่จะรักษาสุขภาพของเราให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะเมื่อร่างกายของเราแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นโรคเริม หรือโรคอะไรก็ไม่สามารถมาทำร้ายเราได้แน่นอน
|