สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย melonnergia เมื่อ 2024-1-23 17:42
เงื่อนไขประกันสุขภาพแต่ละฉบับ ผู้ซื้อควรเข้าใจก่อนเลือกซื้อ
ในปัจจุบันนี้เวลาที่เราจะมองหาความคุ้มครองของประกันสุขภาพสักฉบับนั้นไม่ว่าเราจะไปเลือกประกันของที่ไหนก็ตามแต่ ประกันทุกเเห่งล้วนต้องมี กรมธรรม์ ( policy) ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญสำหรับการถือครองกรมธรรม์ของผู้ซื้อประกันโดยจะระบุถึง รายละเอียดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับประกันสุขภาพฉบับนั้นๆ เช่นข้อมูลของผู้ทำประกัน สิทธิความคุ้มครองสุขภาพเเละผลประโยชน์ ที่ได้รับ เงื่อนไขของประกันสุขภาพที่คุ้มครองเเละไม่คุ้มครองช่วงระยะเวลารอคอย ตารางจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพ เเละการต่อ ประกันสุขภาพตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ ซึ่งทั้งหมดนี้ผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพ จำเป็นต้องทำความเข้าใจตั้งเเต่ต้นก่อนเลย เพื่อจะได้ เลือกซื้อประกันสุขภาพที่ใช่สำหรับเรามากที่สุด ได้ประกันสุขภาพที่ใช่ตรงต่อความต้องการของเรามากที่สุด เพราะหากเรา เกิดไม่เข้าใจกรมธรรม์หรือเข้าใจผิดก็ตามอาจเสียผลประโยชน์ที่ได้รับก็เป็นได้
ปัญหาความไม่เข้าใจกรมธรรม์ประกันสุขภาพก่อนซื้อนั้นยังมีอยู่มากมาย เเละนี่ก็คือ 5 เรื่องที่ผู้ซื้อประกัน เจอปัญหาอยู่บ่อยครั้ง มีดังต่อไปนี้ 1.ช่วงระยะเวลารอคอย เพราะความคุ้มครองของ ประกันสุขภาพ ทุกฉบับเเละทุกกรมธรรม์ล้วนต้องระบุถึงเงื่อนไข '' ช่วงระยะเวลารอคอย '' เอาไว้ข้างใน กรมธรรม์ประกันทุกฉบับที่เราซื้ออยู่เเล้ว ช่วงระยะเวลารอคอย คือช่วงเวลาที่ประกันสุขภาพจะยังไม่มีผลคุ้มครองทันที ติดช่วงเวลาที่ เราต้องรอให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อนถึงประกันจะมีผลคุ้มครองให้กับเราใช้สิทธิเคลมประกันได้ โดยส่วนใหญ่เเล้วบริษัทประกันจะกำหนด เงื่อนไขช่วงระยะเวลารอคอยเอาไว้หลายช่วงเวลาเช่น 30 วัน , 60 วัน , 120 วัน , 180 วัน ยิ่งเป็นในโรคร้ายแรงที่ค่ารักษาโรคสูง ช่วงระยะเวลารอคอยก็ยิ่งต้องรอคอยนานด้วย เพราะเหตุนี้ผู้ซื้อประกันจึงควรเข้าใจเรื่องนี้ก่อนซื้อประกันด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้พลาด ตอนที่เราจะเคลมประกันสุขภาพได้ถูกต้องตามช่วงเวลานั่นเอง
2.วงเงินคุ้มครองค่าห้องต่อวันของผู้ป่วยในที่ประกันสุขภาพระบุไว้ '' ค่าห้องโรงพยาบาล '' เป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่เวลาเราเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจะต้องเสียเงินจ่ายด้วย ไม่ใช่เเค่เฉพาะค่ารักษา โรคร้ายต่างๆเพียงอย่างเดียว โดยเเต่ละโรงพยาบาลก็มีค่าห้องที่เเตกต่างกันด้วยบางโรงพยาบาลค่าห้องถูก แต่บางโรงพยาบาล ค่าห้องแพงมาก
** ค่าห้องพักรักษาโรงพยาบาลส่วนใหญ่ถ้าเป็นโรงพยาบาลขนาดกลาง ค่าห้องตกประมาณ 3,000-5,000 บาท ต่อคืน ซึ่งประกันสุขภาพส่วนใหญ่จะกำหนดคุ้มครองชดเชยค่าห้องไว้ราวๆนั้น ** ส่วนค่าห้องพักรักษาของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ มีตั้งเเต่ค่าห้องมากกว่า 8,000-10,000 กว่าบาท / คืนเลยก็มี
ซึ่งประกันสุขภาพแต่ละฉบับก็จะมีการระบุถึงความคุ้มครองวงเงินค่าห้องเอาไว้เป็นจำนวนเงินชัดเจน ถ้าเลือกห้องพักรักษาที่ราคาค่าห้อง ไม่เกินวงเงินก็ดีไป ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม แต่ถ้าหากเราเข้าห้องพักรักษาที่ค่าห้องแพงกว่าวงเงินคุ้มครองค่าห้องที่ประกันสุขภาพระบุไว้ ค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่เหลือ ผู้ซื้อประกันต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วย ดังนั้นเวลาเลือกโรงพยาบาลแต่ละแห่งเราควรดูเรื่องราคาค่าห้องรักษาเอาไว้เนิ่นๆ เพื่อจะได้เลือก รพ.ที่ค่าห้องไม่เเพงจนเกินไป
3.เงื่อนไขการสำรองจ่ายก่อน
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในกรณีที่เราป่วยหนักในช่วงเวลาที่เพิ่งผ่านพ้นระยะเวลารอคอยของประกันสุขภาพไปไม่นานเช่น ผ่านไป 1 ปี เเล้วเราเกิดป่วยหนักเป็นโรคร้ายแรงเช่น โรคมะเร็ง , โรคหัวใจ ซึ่งถือเป็นช่วงที่อายุกรมธรรม์ประกันยังน้อยอยู่ ส่งผลให้บริษัทประกัน มีสิทธิที่จะกำหนดให้เราต้องสำรองจ่ายค่ารักษาเองไปก่อน เเล้วค่อยมาเคลมประกันในภายหลัง เพราะบริษัทจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลสุขภาพ ของผู้ทำประกันย้อนหลังก่อนทำการเคลมประกันได้ ปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นต่อผู้ซื้อประกันสุขภาพหลายคนเจอปัญหานี้ก็รู้สึกเเย่มาก แต่เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงจะพบว่าเงื่อนไขการสำรองจ่ายก่อน มักจะกำหนดในเคสที่ประกันสุขภาพที่ทำนั้นอายุกรมธรรม์ยังน้อยเกินไป หรือ อายุกรมธรรม์ยังไม่ถึง 2 ปี ซึ่งบริษัทประกันก็จำเป็นต้องเช็คข้อมูลประวัติสุขภาพย้อนหลังของผู้ซื้อประกันก่อนใช้ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ถ้าไม่มีปัญหาใดๆบริษัทประกันก็จะอนุมัติการเคลมประกันสุขภาพให้ในที่สุด
** คำแนะนำในเรื่องนี้ ผู้ซื้อประกันสุขภาพควรเข้าใจในเงื่อนไขสำรองจ่ายก่อนซื้อประกันเสมอ โดยเเนะนำว่าช่วงแรกๆที่กรมธรรม์อายุยังน้อยอยู่ อายุประกันยังไม่ถึง 2 ปี อย่าเพิ่งเคลมประกันสุขภาพบ่อยนักป่วยเล็กน้อยก็ไม่ควรเคลมประกันสุขภาพช่วงนี้มาก เพื่อเก็บสิทธิไว้ใช้ประกันสุขภาพ รอเคลมประกันช่วงที่ป่วยหนักจากโรคร้ายแรงในอนาคตจะดีกว่า
4.ไม่เข้าใจเรื่องโรงพยาบาลคู่สัญญา เนื่องจากบริษัทประกันแต่ละแห่งจะมีการระบุถึง โรงพยาบาลคู่สัญญา ของบริษัทประกันที่แตกต่างกันไป ในกรณีที่เราไปเข้ารับการรักษา ในโรงพยาบาลที่ไม่ใช่คู่สัญญา ส่งผลเสียเราต้องจ่ายเงินค่ารักษาเองไปก่อนเเล้วค่อยมาเคลมประกันในภายหลัง แนะนำว่าให้ผู้ซื้อประกัน ควรเช็คข้อมูลโรงพยาบาลคู่สัญญาก่อนซื้อประกันเลย ดูตรงที่โรงพยาบาลคู่สัญญาที่ระบุแฟลกซ์เคลมได้ จะได้ตัดสินใจซื้อประกันได้อย่าง หมดห่วงนั่นเอง
5.เลือกการจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพไม่เกินกำลังซื้อของตัวเอง
หลายคนพลาดพลั้งต่อปัญหาเบี้ยประกันสุขภาพเเพง เพราะซื้อประกันสุขภาพที่เเพงเกินกำลังซื้อของเราไปมาก วางแผนการเงินได้ไม่ดีพอ แนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพที่ไม่ควรเกิน 15% ของรายได้เราในเเต่ละเดือนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจ่ายเบี้ยไม่ไหว ส่วนจะเลือกจ่าย เบี้ยประกันแบบรายปีหรือจ่ายเบี้ยประกันแบบรายเดือนก็ตาม เราควรคิดให้รอบคอบเเละวางแผนการเงินล่วงหน้าเอาไว้ให้ดีด้วยนะ
ทั้งหมดนี้เป็นคำแนะนำดีๆที่ช่วยให้ผู้ซื้อประกันสุขภาพฉบับแรกสามารถเข้าใจก่อนซื้อประกันเพื่อจะได้ตัดสินใจซื้อประกันให้เหมาะสมกับเรา ส่งเบี้ยประกันสุขภาพไหวใช้สิทธิเคลมประกันได้อย่างถูกช่วงเวลาตามเงื่อนไขกรมธรรม์นั่นเอง '' ประกันสวัสดีดอทคอม '' เรามีครบทั้ง ประกันสุขภาพหลากหลายกรมธรรม์ ให้เพื่อนๆได้เลือกชมสามารถเปรียบเทียบประกันสุขภาพแต่ละแห่งได้ด้วย พร้อมรับสิทธิพิเศษเมื่อซื้อ ประกันสุขภาพผ่านสวัสดีดอทคอม สามารถเข้าไปชมได้ที่หน้าเว็บไซต์ได้เลยครับ
ทำเรื่องประกันสุขภาพให้เป็นเรื่องง่ายๆ คลิก ประกันสวัสดีดอทคอม ประกันสุขภาพออนไลน์ คุ้มครองครบ จบที่เดียว สวัสดีดอทคอม โทร 02098 599
|