สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย melonnergia เมื่อ 2024-1-25 11:51
โดยทั่วไปแล้วอุบัติเหตุรถชนนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้แทบตลอดเวลา ซึ่งในเมืองไทยมีสถิติของอุบัติเหตุสูงติดอันดับต้นๆของโลกเลย บ่งบอกถึงความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่เราต้องระมัดระวังให้เยอะกว่าเดิม ไม่ว่าจะทั้งเดินทางไปไหนมาไหน จะทั้งไปทำงาน ไปท่องเที่ยว ทั้งครอบครัว หรือจะไปไหนก็ตามแต่ การคำนึงถึงอุบัติเหตุไว้เนิ่นๆยังไงก็เป็นสิ่งที่เราต้องคิดไว้อยู่เสมอ เเละนอกจากนี้หากเราเกิดพลาด ไปขับรถชนกับอะไรสักอย่างไม่ว่าจะเป็นรถสิ่งกีดขวางทั้งมีและไม่มีคู่กรณี เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนมีโอกาสเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่รถยนต์อยู่แล้ว ทำให้เราเกิดความยุ่งยากต่อจากนั้นคือการไกล่เกลี่ยค่าเสียหายและซ่อมรถ แต่ถ้าเรามี ประกันรถยนต์เราสามารถให้ตัวแทนมาช่วยเหลือ ในสถานการณ์นี้ได้ด้วยดี ซึ่งก่อนจะรีบโทรหาประกันเราต้องคำนึงถึงสถานการณ์ต่างๆโดยเริ่มต้นดังนี้
1.ตั้งสติหยุดรถในที่ปลอดภัยเป็นอย่างแรก
ทันทีที่เรารู้ตัวว่าขับรถชนกับอะไรบางอย่างหรือรู้ตัวว่ารถเราถูกชนแล้ว ให้หยุดรถเป็นอันดับแรก แก่ก่อนจะหยุดรถนั้นเราควรหาที่หยุดรถ ในพื้นที่ปลอดภัยก่อน เช่น ไหล่ทางรถ หรือ ทางคู่ขนาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุรถชนซ้ำสองได้ โดยปกติหากเกิดเหตุบนทางหลวง สายสำคัญ อาทิ ถนนพหลโยธิน , ถนนมิตรภาพ , ถนนสุขุมวิท , ถนนเพชรเกษม ส่วนใหญ่มักมีกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพรถชนสัญจรระหว่างทาง ซึ่งสามารถประกอบเป็นหลักฐานพิสูจน์สาเหตุของรถชนต่างๆได้ อย่างน้อยการไม่ขยับรถหนีจากที่เกิดเหตุจะช่วยพิจารณาได้ง่ายว่าใครเป็นฝ่ายผิด โดยภาพจากกล้องวงจรปิดจะช่วยให้พิจารณาง่ายขึ้นนั่นเอง
2.ตั้งสติและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนเเละประเมินสถานการณ์รถชนขั้นต้น
สิ่งนี้สำคัญมากควรตั้งสติให้เร็วหลังจากที่เกิดเหตุรถชนขึ้นมา เมื่อเราขับรถชนเราอาจจะหงุดหงิดโกรธประหม่าหรือตื่นกลัวอยู่ หลังจากตั้งสติหยุดรถ ได้แล้วสิ่งที่ต้องทำถัดมาคือ การประเมินสถานการณ์เบื้องต้นว่าเราชนกับอะไรรถชนรุนแรงหรือเปล่า ? รถชนไปกี่คัน , ความเสียหายรถชน เยอะไหม เเละรถชนครั้งนี้มีคู่กรณีด้วยหรือเปล่า ? หากไม่มีคู่กรณีก็ดีไปแต่ถ้ามีคู่กรณีเราอาจต้องลงไปพูดคุยไกล่เกลี่ยเบื้องต้นก่อน ซึ่งควรพุดคุย ชี้แจงเจตนาให้ชัดเจนแต่ถ้าอีกฝ่ายดูท่าแล้วมีอารมณ์ฉุนเฉียวเพื่อเลี่ยงการปะทะเราควรอยู่ในรถแล้วพยายามคุยไกล่เกลี่ยผ่านกระจกรถก่อนจะดีกว่า ยิ่งในสถานการณ์ที่มีคนบาดเจ็บจากรถชนขึ้นมา อย่าลังเลที่จะโทรแจ้งสายด่วนอุบัติเหตุฉุกเฉิน 1669 เพื่อให้ความช่วยเหลือให้เร็วที่สุด
3.โทรแจ้งบริษัทประกันรถยนต์ให้มาช่วยไกล่เกลี่ยโดยเร็ว
เพราะภัยอุบัติเหตุเป็นความเสี่ยงที่อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด พลาดเพียงช่วงเดียวก็เสี่ยงอันตรายเกินกว่าที่คิด ซึ่งไม่ว่าเราจะขับรถไปชนอะไรก็ตาม จะรถเล็ก รถใหญ่ เสาไฟหรือต้นไม้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคู่กรณี หากเราตั้งสติได้แล้วเราเร่งโทรแจ้งบริษัทประกันให้มาช่วยดูสถานการณ์โดยสามารถ โทรแจ้งทันทีหลังจากหยุดรถ หรือจะดูสถานการณ์รถชนตรงหน้าให้ปลอดภัยก่อนแล้วค่อยโทรแจ้งบริษัทประกันก็ได้ หากสถานการณ์มีแนวโน้ม โต้เถียงรุนแรงหรือมีโอกาสที่จะทะเลาะกันได้ เราอาจต้องพิจารณาว่าควรโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้มาช่วยไกล่เกลี่ยอีกแรงด้วย
**สิ่งที่ควรรู้ หากเกิดเหตุรถชนไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม ไม่ควรปะทะหรือทะเลาะกับคู่กรณีรถชน จนทำให้เหตุการณ์ยิ่งบานปลายได้ ตั้งสติเเล้วคุยด้วยเหตุผลให้มากที่สุด หากอยู่ในจุดที่เจรจาไม่ได้ รีบติดต่อให้บริษัทประกันมาที่เกิดเหตุโดยด่วน
บริษัทประกันมักจะมีสายด่วนที่คอยบริการลูกค้ายามฉุกเฉินเอาไว้เเล้ว เจ้าหน้าที่บริษัทประกันปลายสายอาจขอข้อมูลเกี่ยวกับหมายเลขกรมธรรม์ ชื่อ-นามสกุลของเรา ทะเบียนและยี่ห้อรถ ตำแหน่งที่เกิดเหตุ และอาจขอรายละเอียดเพิ่มเติมแล้วแต่กรณี จากนั้นเจ้าหน้าที่จะประสานให้ทางตัวแทน หรือพนักงานบริษัทประกันรถยนต์ออกมาช่วยตรวจสอบเหตุการณ์และไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีตามลำดับต่อไป
4.รวมรวมเอกสารและหลักฐาน
ในระหว่างรอให้ตัวแทนประกันรถยนต์มาช่วยไกล่เกลี่ยนั้น ให้ทั้งสองฝ่ายรวบเอกสารที่อาจได้ใช้เช่นบัตรประชาชน ใบขับขี่ เล่มทะเบียนรถ ถ้ามีกล้องหน้ารถให้ตรวจสอบว่าบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้หรือไม่และถ่ายภาพจุดที่เกิดอุบัติเหตุ , ร่องรอยที่รถเราเสียหาย , ความเสียหายโดยรวมของรถยนต์ที่ถูกรถชนมากน้อยแค่ไหน และเช็คถึงประกันรถยนต์ที่ทั้งสองฝ่าายทำไว้อยู่ด้วยว่าเป็นประกันรถยนต์ชั้นอะไร ประกันยังไม่หมดอายุใช่หรือไม่ เพื่อได้ใช้ในการจะขอเคลมกับบริษัท ประกันรถยนต์
5.เรื่องอายุความของใบเคลมประกันรถยนต์ก็เป็นเรื่องที่ควรรู้ด้วย
อายุความของใบเคลมประกันรถยนต์ เป็นเอกสารที่ทางบริษัทประกันจะมอบให้กับคู่กรณี เพื่อให้นำไปเคลมกับบริษัทประกันเเละศูนย์บริการซ่อมรถยนต์ ในเครือของบริษัทประกัน แต่หากเป็นอุบัติเหตุรถชนแบบไม่มีคู่กรณี ( ชนต้นไม้ , ชนเสาไฟฟ้า) อันนี้ต้องเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้นที่จะสามารถนำไป เคลมประกันได้ แต่เราก็ต้องออกค่าใช้จ่ายส่วนแรกก่อนเสมอซึ่งใบเคลมประกันรถยนต์แบบไม่มีคู่กรณีจะมีอายุความทั้งสิ้น 1 ปี
ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิด พลาดไปรถชนคนอื่นจริง บริษัทรถยนต์จะมีการออกใบเคลมประกันเพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้กับคู่กรณีโดยมีอายุความทั้งสิ้น 1-2 ปี
หากเราเป็นฝ่ายถูก ถูกรถชนจนได้รับความเสียหาย เราสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ค่าซ่อมรถค่าขาดผลประโยชน์ ต่อบริษัทประกันของคู่กรณี เเละกับตัวผู้กรณีโดยตรงโดยมีอายุความทั้งสิ้น 1-2 ปี นับตั้งเเต่วันที่เกิดเหตุ
6.การถือครองประกันรถยนต์ที่ยังไม่หมดอายุกรมธรรม์นั้นสำคัญที่สุด
หลายคนมักพลาดพลั้งไปเนื่องจากเคลมประกันรถยนต์ไม่ได้ เพราะประกันรถยนต์หมดอายุซะแล้ว ยังไม่ได้ต่อประกันเลย ตรงนี้บอกเลยว่าไม่เป็นผลดี เนื่องจากหากประกันรถยนต์ของเราหมดอายุไปเสียก่อน หากไปเกิดเหตุรถชนเข้าเสียค่าใช้จ่ายเองเต็มๆเลย ดังนั้นเราถึงควรหมั่นเช็คอายุของประกันรถยนต์ อยู่เสมอ ถ้าประกันใกล้หมดอายุเเล้วควรรีบต่ออายุจะดีกว่าครับ
โดยสรุปแล้วนี่ก็เป็นข้อแนะนำที่จะช่วยให้ผ่านปัญหาจากการขับรถชนครั้งแรกได้ง่ายขึ้นถึงแม้ว่าสถานการณ์จริงอาจไม่เหมือนกับเนื้อหาในบทความนี้ แต่จำไว้ว่า ให้เราตั้งสติและโทรหาประกัน ไม่ว่าเราจะตื่นกลัวหรือประหม่าตัวแทนบริษัทประกันจะรีบเข้ามาให้การช่วยเหลือให้เร็วที่สุดให้คำแนะนำ เราในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้การมีและการต่อประกันรถยนต์ไม่ให้ขาดจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะเราไม่รู้เลยว่าเราอาจโชคร้ายในวันที่ประกันขาดก็ได้
ทำเรื่องประกันให้เป็นเรื่องง่ายๆคลิก สวัสดีดอทคอม ประกันรถยนต์แบบผ่อนให้คุณผ่อนเงินสด 0% นาน 12เดือนไม่ง้อบัตรเครดิต เลือกได้ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1 , ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เเละประกันชั้นอื่นๆอีกมากมายเบี้ยประกันถูกๆ สบายกระเป๋า
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนดประกันออนไลน์คุ้มครองครบ จบที่เดียว สวัสดีดอทคอม โทร 02 098 5999
|