สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Zengeder เมื่อ 2024-2-12 10:32
หากพูดถึงเรื่องของภัยอุบัติเหตุรถชนนั้น ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งนับวันความเสี่ยงของรถชนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จากความประมาทของผู้ขับขี่รถ หรือไม่ก็เป็นเพราะยังไม่คุ้นชินกับรถอย่างมือใหม่หัดขับ ซึ่งเเต่ละเหตุการณ์ล้วนเป็นสิ่ง ที่ส่งผลให้อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ถ้าเราเกิดพลาดพลั้งไปขับรถชนกับอะไรสักอย่างไม่ว่าจะเป็นรถ สิ่งกีดขวางทั้งมีและไม่มีคู่กรณี เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนมีโอกาสเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่รถยนต์อยู่แล้ว ทำให้เราเกิดความยุ่งยาก ต่อจากนั้นคือการไกล่เกลี่ยค่าเสียหายและซ่อมแซมรถ แต่ถ้าเรามี ประกันรถยนต์เราสามารถให้ตัวแทนมาช่วยเหลือใน สถานการณ์นี้ได้ซึ่งก่อนจะรีบโทรหาประกันเราต้องคำนึงถึงสถานการณ์ต่างๆโดยเริ่มต้นดังนี้
1.ตั้งสติและหยุดรถในพื้นที่ปลอดภัย เมื่อเรารู้ตัวว่าขับรถชนกับอะไรบางอย่างหรือรู้ตัวว่ารถเราถูกชนแล้ว ให้หยุดรถเป็นอันดับแรกก่อน เเต่ก่อนจะหยุดรถนั้น ควรหยุดรถในที่ปลอดภัย เช่น ไล่ทางรถ หรือ ทางคู่ขนาน ไม่ควรหยุดจอดรถกะทันหันตรงกลางถนนเพราะอาจทำให้เกิด อุบัติเหตุรถชนซ้ำสองได้ ซึ่งโดยปกติหากเกิดเหตุบนทางหลวงส่วนใหญ่มักมีกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพรถยนต์สัญจร ระหว่างทาง ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์เหตุรถชนได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ไกล่เกลี่ยกันไม่ลงตัวภาพจากกล้องวงจรปิด จะช่วยให้พิจารณาง่ายขึ้นนั่นเอง
2.ตั้งสติและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ประเมินสถานการณ์รถชนเบื้องต้น สิ่งนี้สำคัญมากควรตั้งสติให้เร็วหลังจากที่เกิดเหตุรถชนขึ้นมาหากเราไม่ได้รับบาดเจ็บมาก หลังจากตั้งสติหยุดรถได้แล้วสิ่งที่ ต้องทำถัดมาคือ การประเมินสถานการณ์หลังรถชนเบื้องต้น ว่าเราชนกับอะไรรถชนรุนแรงหรือเปล่า ? รถชนมีคู่กรณีหรือไม่ ? หากไม่มีคู่กรณีก็ดีไปแต่ถ้ามีคู่กรณีเราอาจต้องลงไปพูดคุยไกล่เกลี่ยเบื้องต้น ซึ่งควรพุดคุยชี้แจงเจตนาให้ชัดเจนแต่ถ้าอีกฝ่าย ดูท่าแล้วมีอารมณ์ฉุนเฉียวเพื่อเลี่ยงการปะทะเราควรอยู่ในรถแล้วพยายามคุยไกล่เกลี่ยผ่านกระจกรถก่อนจะดีกว่า ในสถานการณ์ ที่มีคนบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชนรถชนขึ้นมา ควรรีบพาผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อน อย่าลังเลที่จะโทรแจ้งสายด่วน อุบัติเหตุฉุกเฉิน1669 เพื่อให้ความช่วยเหลือให้เร็วที่สุด
3.โทรแจ้งบริษัทประกันรถยนต์ให้มาช่วยไกล่เกลี่ย
หลังจากที่เกิดเหตุรถชนเเล้ว ไม่ว่าเราจะขับรถไปชนอะไรก็ตามจะรถเล็กรถใหญ่ เสาไฟ หรือต้นไม้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคู่กรณี หากเราตั้งสติได้แล้วเราควรโทรแจ้งบริษัทประกันให้มาช่วยดูสถานการณ์หากสถานการณ์มีแนวโน้มโต้เถียงรุนแรงหรือ มีโอกาสที่จะทะเลาะกันได้ เราอาจต้องพิจารณาว่าควรโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้มาช่วยไกล่เกลี่ยอีกแรงด้วยจะดีกว่า
**เรื่องควรรู้ หลีกเลี่ยงการปะทะหรือไปทะเลาะกับคู่กรณีรถชน เพราะจะทำให้เหตุการณ์ยิ่งบานปลายได้ ควรค่อยๆเจรจา ด้วยความใจเย็น หรือไม่ก็รอให้ทางบริษัทประกันมาถึงที่เกิดเหตุก่อนเเล้วค่อยเริ่มเจรจาไกล่เกลี่ยกัน
4.รวมรวมเอกสารและหลักฐาน ในระหว่างรอให้ตัวแทนประกันมาช่วยไกล่เกลี่ยให้รวบเอกสารที่อาจได้ใช้เช่นบัตรประชาชนใบขับขี่ เล่มทะเบียนรถ ถ้ามีกล้องหน้ารถให้ตรวจสอบว่าบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้หรือไม่ หลังจากนั้นทางตัวเเทน-พนักงานบริษัทประกันก็จะ ทำการเช็คสภาพหลังเกิดเหตุ เช่น ร่องรอยถูกรถชนที่รถเราเสียหายมากน้อยแค่ไหน รถชนครั้งนี้มีผู้บาดเจ็บหรือไม่ ก่อนที่เริ่มเจรจาไกล่เกลี่ยกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งหลักฐานต่างๆนั้นเราได้ใช้ในการจะขอเคลมกับบริษัท ประกันรถยนต์
5.รับใบเคลมประกันรถยนต์เเล้วนำไปเคลมประกันในช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้
ใบเคลมประกันรถยนต์ เป็นเอกสารที่ใช้ในการเคลมประกันรถยนต์ ซึ่งเมื่อได้รับใบเคลมเเล้วจะมีอายุความประมาท 1-2 ปี ให้เรานำไปเคลมประกันรถยนต์โดยด่วนที่สุด ที่ศูนย์ซ่อมรถในเครือของบริษัทประกัน ที่สำคัญอย่างให้ใบเคลมประกัน รถยนต์หมดอายุความเสียก่อน เพราะจะส่งผลให้ไม่สามารถเคลมประกันรถยนต์ได้นั่นเอง
โดยสรุปแล้วนี่ก็เป็นข้อแนะนำที่จะช่วยให้ผ่านปัญหาจากการขับรถชนครั้งแรกได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ว่าในสถานการณ์จริง อาจไม่เหมือนกับเนื้อหาในบทความนี้แต่จำไว้ว่า “ให้เราตั้งสติและโทรหาประกัน”ไม่ว่าเราจะตื่นกลัวหรือประหม่า ตัวแทนบริษัทประกันจะรีบเข้ามาให้การช่วยเหลือให้เร็วที่สุด นอกจากนี้การต่ออายุประกันรถยนต์ไม่ให้หมดอายุหรือ ขาดอายุกรมธรรม์เป็นประจำเสมอ เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าวันไหนที่เกิดเหตุรถชนในวันที่ประกันขาดก็เป็นได้
ทำเรื่องประกันให้เป็นเรื่องง่ายๆคลิก สวัสดีดอทคอม ประกันรถยนต์แบบผ่อนให้คุณผ่อนเงินสด 0% นาน12 เดือน ไม่ง้อบัตรเครดิต
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนดประกันออนไลน์คุ้มครองครบจบที่เดียว สวัสดีดอทคอม โทร 02 098 5999
|