ยังไม่ได้เช็คอิน
ความคืบหน้าการอัพเกรด: 79%
|
สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ในยุคคนี้ก็คงต้องยอมรับว่าการจะเลี้ยงลูกเด็กสักคนให้มีอนาคตที่ดี แค่การให้ความรัก ความใส่ใจเท่านั้นอาจไม่เพียงพอ เพราะการจะเลี้ยงดูให้พวกเขาเติบโตมามีทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต รวมถึงได้มีสังคม สิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ดีจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นพ่อแม่จำเป็นต้องวางแผนทางการเงินและ “ออมเงิน” ไว้เพื่ออนาคตของลูกและครอบครัว
ทำไมต้องออมเงินให้ลูก
เพราะในการจะเลี้ยงดูลูกสักคนไม่ใช่แค่การเลี้ยงให้เค้าได้เติบโตกินอิ่มนอนหลับเท่านั้น คนเป็นพ่อเป็นแม่และผู้ที่กำลังจะสร้างครอบครัวจึงควรออมเงินไว้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น
*ออมเพื่อความมั่นคง
การที่ลูกจะมีความมั่นคงในอนาคตได้ส่วนหนึ่งย่อมมาจากการมีสถานภาพทางการเงินที่มั่นคงของพ่อแม่และครอบครัว ที่จะสามารถสนับสนุนและดูแลพวกเขาได้อย่างเต็มที่ ประกันลดหย่อนภาษี
*ออมไว้เป็นทุนการศึกษา
การจะสร้างอนาคตที่ดีย่อมมาจากการได้รับการศึกษาที่ดีเช่นกัน การออมเงินไว้เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่ลูกจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะในยุคนี้ที่การเข้าถึงการศึกษาที่ดีจำเป็นต้องมีต้นทุนทางการเงินที่ดีตามมาด้วย
*ออมไว้ยามเจ็บป่วย
พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนมักมองข้ามการทำประกันเพื่อดูแลสุขภาพของลูกเพราะคิดว่ายังเด็ก แต่ความจริงแล้วเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเกิดการเจ็บป่วยขึ้นกับใคร หรือเมื่อไร ดังนั้นจึงควรมีเงินออมไว้สำหรับการเจ็บป่วยในอนาคต
*ออมไว้ยามฉุกเฉิน
เพราะอนาคตนั้นไม่แน่นอน เราจึงควรออมเงินไว้เพื่อลดความไม่มั่นคงเหล่านั้นให้น้อยลง และเพื่อให้มีทุนสำรองไว้สำหรับการรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ทำไมประกันออมทรัพย์ถึงเหมาะกับการออมเงินให้ลูก
เพราะประกันออมทรัพย์เป็นประกันที่ออกแบบมาเพื่อการออมเงินไปพร้อมๆ กับการคุ้มครองชีวิต โดยการออมด้วยประกันแบบออมทรัพย์นั้น นอกจากจะมีความมั่นคงสูงเพราะจะจ่ายเงินคืนตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ในสัญญาแล้ว อีกข้อสำคัญคือ หากพ่อหรือแม่ที่เป็นคนจ่ายเบี้ยประกันออมทรัพย์นั้นๆ ได้ซื้อสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองผู้ชำระเบี้ยเอาไว้แล้วเกิดเหตุการณ์ที่พ่อแม่เสียชีวิต หรือเกิดทุพพลภาพ ทางบริษัทก็จะเป็นผู้ส่งกรมธรรม์ฉบับนั้นแทน แต่ตัวผู้ลูกผู้ถือกรมธรรม์ก็ยังจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนนั้นๆ เหมือนเดิม ซึ่งถือเป็นข้อแตกต่างจากการออมเงินแบบปกติ ที่เราจะได้เพียงแค่ตัวเงินและดอกเบี้ยปันผลเท่านั้น
ข้อดีของประกันออมทรัพย์
ประกันออมทรัพย์นั้นนอกจากจะเป็นการออมที่มีการคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมาจากการออมรูปแบบอื่นๆ แล้ว ยังมีข้อดีต่างๆ ดังนี้
*ความมั่นคง
การออมด้วยประกันออมทรัพย์เป็นอีกรูปแบบการออมที่มีความเสี่ยงต่ำจึงมีความมั่นคงค่อนข้างสูง โดยการทำประกันแบบสะสมทรัพย์จะมีการกำหนดทั้งเบี้ยที่ต้องชำระในแต่ละงวด ทุนประกันคุ้มครอง และผลประโยชน์ที่จะได้รับไว้อยู่แล้ว ทำให้สามารถทราบได้ว่าถ้าถือจนครบสัญญาหรือมีการยกเลิกก่อนแล้วจะได้รับเงินจำนวนเท่าไร และได้รับเมื่อไร ซึ่งเป็นผลดีต่อการวางแผนการเงินในอนาคต ประกันสุขภาพ
*คุ้มครองถึงลูก
การทำประกันแบบออมทรัพย์ หากพ่อแม่เกิดเสียชีวิตหรือทุพพลภาพไปแล้ว ผลประโยชน์นั้นก็จะส่งต่อถึงลูกโดยที่ลูกไม่ต้องมารับภาระส่งเบี้ยชำระต่อ แต่ยังได้ผลตอบแทนและความคุ้มครองที่เหมือนเดิม
*ไม่เสียภาษี
การออมด้วยวิธีการทำประกันออมทรัพย์แม้จะมีผลตอบแทนไม่สูงมากเมื่อเทียบกับการออมรูปแบบอื่นๆ แต่เราก็จะได้ผลตอบแทนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะไม่ต้องเสียภาษีเหมือนกับการฝากเงินในธนาคารหรือการออมประเภทอื่นๆ
*ลดหย่อนภาษีได้
อีกหนึ่งข้อดีของประกันออมทรัพย์คือ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โดยหากประกันชีวิตที่ทำนั้นมีอายุกรมธรรม์มากกว่า 10 ปีขึ้นไป จะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เลยทีเดียว
ข้อเสียของประกันออมทรัพย์
ในทุกรูปแบบของการออมเมื่อมีข้อดีก็มีข้อเสียตามมาเช่นกัน โดยสำหรับการออมด้วยประกันออมทรัพย์นั้นมีข้อเสีย ดังนี้
ผลตอบแทน
ด้วยการทำประกันออมทรัพย์เป็นการออมที่เน้นความมั่นคง และเหมาะกับการออมไว้ให้อุ่นใจ จึงเป็นรูปแบบการออมที่มีผลตอบแทนไม่สูงนักเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ
สภาพคล่อง
การออมด้วยประกันออมทรัพย์จะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่รีบร้อนต้องใช้เงิน เพราะค่อนข้างจะมีสภาพคล่องต่ำเมื่อเทียบกับการออมประเภทอื่นๆ ที่สามารถถอน หรือแปลงเป็นเงินสดได้ทันที โดยประกันออมทรัพย์หากอยากเอาเงินออกมาใช้ก่อนที่จะครบตามสัญญา ผู้ถือกรมธรรม์จะต้องทำเรื่องเวนคืนกรมธรรม์ ซึ่งอาจมีผลต่อการหักเงินในส่วนเวนคืนออกไปด้วย
|
|