สมาชิกเท่านั้นถึงจะมองเห็นเนื้อหาอย่างสมบูรณ์
คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา สมัครสมาชิก  
×
กิน “สับปะรด” ทุกวันดีไหม? ไขข้อสงสัยถึงปริมาณที่เหมาะสมและประโยชน์ต่อร่างกายสับปะรดเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูง เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซีและมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีน อย่างไรก็ตาม การรับประทานสับปะรดบ่อยเกินไปก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารหรือช่องปากได้ วันนี้เราจะมาดูกันว่าการกินสับปะรดทุกวันดีหรือไม่ และควรกินในปริมาณเท่าไรถึงจะปลอดภัยและได้รับประโยชน์สูงสุด ประโยชน์ที่น่าสนใจของการกินสับปะรดสับปะรดมีคุณสมบัติเด่นหลายอย่างที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงและช่วยเรื่องระบบการย่อยอาหาร เอนไซม์โบรมีเลนและวิตามินซีในสับปะรด ถือเป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการ 1. ช่วยย่อยอาหารได้อย่างดีสับปะรดมีเอนไซม์สำคัญที่ชื่อว่า โบรมีเลน (Bromelain) ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการรับประทานหลังมื้ออาหาร โดยเฉพาะมื้อที่มีเนื้อสัตว์หรือของมันเยอะ ๆ 2. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงสับปะรดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันไข้หวัด และยังเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหนัง รวมถึงช่วยให้เส้นเลือดฝอยมีความยืดหยุ่น 3. ช่วยลดอาการบวมน้ำและการอักเสบเอนไซม์โบรมีเลนในสับปะรดยังมีคุณสมบัติช่วยลดอาการอักเสบและอาการบวมน้ำได้ดี จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือผู้ที่ใช้กล้ามเนื้อบ่อยครั้ง ซึ่งต้องการการฟื้นตัวของร่างกาย 4. ดีต่อระบบขับถ่ายสับปะรดมีปริมาณไฟเบอร์ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ การรับประทานอย่างเหมาะสมจึงมีส่วนช่วยในการลดอาการท้องผูก และปรับสมดุลของลำไส้ ข้อควรระวัง หากกินสับปะรดมากเกินไปแม้สับปะรดจะมีประโยชน์มากมาย แต่หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปหรือผิดเวลา ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่งข้อควรระวังที่สำคัญมีดังนี้ 1. ระวังกรดกัดกระเพาะสับปะรดมีกรดซิตริกและกรดมาลิกสูง หากรับประทานขณะท้องว่างอาจทำให้เกิดอาการแสบท้องหรือระคายเคืองในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ได้ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ 2. อาจเกิดอาการระคายเคืองช่องปากเอนไซม์โบรมีเลน หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการลิ้นชา แสบ หรือเกิดแผลเล็ก ๆ ในช่องปากได้ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของเอนไซม์ที่กำลังย่อยโปรตีน 3. ระดับน้ำตาลในเลือดสูงสับปะรดที่สุกจัดจะมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างมาก การรับประทานบ่อยครั้งในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวานควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค คำแนะนำในการกินสับปะรดอย่างปลอดภัยและเหมาะสมเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากสับปะรดอย่างเต็มที่และหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่อความปลอดภัยในการบริโภค - ควรรับประทานวันละไม่เกิน 1 ถ้วย หรือประมาณ 150 กรัม
- หลีกเลี่ยงการรับประทานสับปะรดตอนท้องว่าง
- ควรนำสับปะรดไปแช่เย็นก่อนรับประทานเพื่อช่วยลดความเป็นกรด
- ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารควรกินหลังอาหารทันทีเท่านั้น
สับปะรดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ควรกินในปริมาณที่พอดี การกินทุกวันไม่ได้อันตรายหากกินหลังอาหารและไม่เกินปริมาณที่แนะนำ เพราะสิ่งใดที่มากเกินไปก็อาจกลายเป็นโทษต่อร่างกายได้เช่นกัน
|