ในสมรภูมิการค้าสมัยใหม่ที่สินค้าปลอมสร้างความเสียหายต่อแบรนด์และคุกคามความปลอดภัยของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง การพึ่งพาเพียงแค่การให้ผู้บริโภคอ่านฉลากอย่างละเอียด (ซึ่งเป็นกลยุทธ์เชิงรับ) อาจไม่เพียงพออีกต่อไป แบรนด์ชั้นนำจึงหันมาใช้ "กลยุทธ์รุก" คือการเข้าควบคุมและตัดวงจรการผลิตและการจำหน่ายสินค้าปลอมก่อนที่มันจะสามารถแทรกซึมเข้าสู่ตลาดและถึงมือผู้บริโภคได้ กลยุทธ์นี้เป็นการลงทุนที่จำเป็นเพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของแบรนด์และรักษาความเชื่อมั่นของลูกค้าอย่างยั่งยืน กลยุทธ์รุกในการป้องกันสินค้าปลอมถูกสร้างขึ้นบนเสาหลักหลายด้านที่ทำงานประสานกัน ตั้งแต่เทคโนโลยีไปจนถึงการบังคับใช้กฎหมาย หัวใจสำคัญของการป้องกันเชิงรุกคือการทำให้สินค้าทุกชิ้นมี "ตัวตนดิจิทัล" ที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้ง่าย แบรนด์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อติดตามสินค้าตลอดห่วงโซ่อุปทาน

การสร้างรหัสที่ไม่ซ้ำกันสำหรับผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น เมื่อผู้บริโภคหรือผู้ค้าปลีกสแกนรหัสนี้ ระบบจะสามารถยืนยันความเป็นของแท้ บอกแหล่งที่มา และแจ้งเตือนหากรหัสนั้นถูกสแกนในตำแหน่งที่ผิดปกติหรือสแกนซ้ำหลายครั้ง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงการปลอมแปลง ใช้เพื่อบันทึกการเคลื่อนย้ายของสินค้าตั้งแต่โรงงานจนถึงมือผู้บริโภค ข้อมูลที่บันทึกไว้ในบล็อกเชนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือย้อนกลับได้ ทำให้เป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุดในการพิสูจน์ความแท้จริงและป้องกันการสวมรอย การฝังข้อมูลลับที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าลงในบรรจุภัณฑ์ ซึ่งต้องใช้เครื่องมือเฉพาะในการตรวจสอบ สินค้าปลอมมักจะเข้ามาแทรกแซงในจุดที่ห่วงโซ่อุปทานอ่อนแอ กลยุทธ์รุกจึงต้องเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งในทุกขั้นตอน แบรนด์จำกัดการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ (เช่น ขวด โลโก้ หรือฉลากพิเศษ) ไว้กับพันธมิตรที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และควบคุมจำนวนการผลิตอย่างเข้มงวด การทำ Due Diligence กับผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้ขนส่ง และผู้จัดจำหน่าย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกฝ่ายมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของข้อมูลหรือชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ การใช้มาตรการทางกายภาพ เช่น การซีลที่ตรวจสอบได้ (Tamper-evident Seals) sticker hologram หรือวัสดุที่เปลี่ยนสีเมื่อถูกความร้อน ซึ่งช่วยให้การตรวจสอบทำได้ง่ายและรวดเร็ว การป้องกันสินค้าปลอมต้องดำเนินการอย่างจริงจังในตลาดและแหล่งผลิต การทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจึงเป็นเรื่องสำคัญ ใช้ AI และเทคโนโลยีในการสแกนแพลตฟอร์ม E-commerce, โซเชียลมีเดีย และตลาดมืดออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ และรายงานให้แพลตฟอร์มหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการลบหรือปิดบัญชี การจัดตั้งทีมสืบสวนเฉพาะกิจเพื่อค้นหาและระบุโรงงานผลิตสินค้าปลอม และประสานงานกับตำรวจหรือศุลกากรเพื่อเข้าจับกุมและดำเนินคดีทางอาญา รวมถึงการฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหาย

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา สมัครสมาชิก

×
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รายละเอียดเครดิต

Copyright © 2011-2025 Kulasang.net. All Rights Reserved.