ยังไม่ได้เช็คอิน
ความคืบหน้าการอัพเกรด: 12%
|
สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์
คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก
x
เวลาที่เราเห็นธุรกิจและนักธุรกิจแต่ละท่านประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจและการค้าขาย ได้กำไรหลักหลายร้อยล้าน พันล้าน เราต่างก็คิดว่า พวกเขาเหล่านั้นช่างโชคดีเหลือเกิน คิดแค่เพียงเท่านี้ ไม่ได้มองลึกถึง Journey ความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจ ที่จะต้องทุ่มเทและความพยายาม หยาดเหงื่อแรงกายของบุคลากรที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ทุกคนต่างก็มีส่วนร่วมในความสำเร็จนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนเบื้องหน้าและคนเบื้องหลัง และในเรื่องกฎหมายต่างๆที่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายโดยเฉพาะ เพราะการดำเนินธุรกิจที่รอบครอบจะต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายทุกอย่างอย่างรัดกุม
ยิ่งไปกว่านั้น หากเราสังเกต นักธุรกิจที่ยอดเยี่ยมทั่วโลก เขาจะติดตามข่าวสารแทบทุกประเภท และติดตามข่าวสารรอบโลกที่มีผลโดยตรงและผลทางอ้อมต่อธุรกิจ โดยเฉพาะข่าวสารที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่มีการอัพเดตเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกวินาที ซึ่งเว็บไซต์ nst3 ได้แชร์บทความที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีไว้ว่า เอไอแห่งอนาคต (Future AI) ระบบปัญญาประดิษฐ์แห่งอนาคตหรือ Future Artificial Intelligence จะมีส่วนที่เป็นหัวใจหรือสมองของระบบได้แก่ เทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่อง หรือ Machine Learning ด้วยเครือข่ายประสาทเทียม ที่เรียกว่า Deep Neural Network ซึ่งสร้างโดยเลียนแบบเครือข่ายเซลล์ประสาทในสมองของมนุษย์ ความสามารถของ AI ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ระบบไซเบอร์-ฟิสิคัล (Cyber-Physical System) ที่ส่งผ่านข้อมูลระหว่างโลกอินเทอร์เน็ตกับโลกจริงทางกายภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับ AI ประมวลผลและสั่งการควบคุมการขับรถได้ในเวลาเสี้ยววินาทีด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่มากขึ้น แต่อาจจะทำให้คนขับรถจำนวนมากต้องตกงาน มีการคาดการณ์ว่าในปี ค.ศ.2030 AI จะทำให้ตำแหน่งงานหายไป 400-800 ล้านตำแหน่ง แม้จะทำให้เกิดงานใหม่ๆ ขึ้นมาพอๆ กัน แต่จะเป็นทักษะที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง การเดินทางแบบไร้รอยต่อ (Mobility-as-a-Service, Maas) Mobility-as-a-Service หรือ แมส (Maas) มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดของเทคโนโลยีนี้ในปัจจุบัน ตัวอย่างผู้ให้บริการแมสรายใหญ่ 2 รายคือ อูเบอร์ (Uber) ของสหรัฐฯ กับ ตี๊ตี๊ (DiDi) ของจีน ข้อมูลปี พ.ศ.2560 ระบุว่ามูลค่าของบริษัทตี๊ตี๊อยู่ที่ราว 56,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่อูเบอร์มากกว่าคือ 62,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่น่าสนใจคือ ตี๊ตี๊ เป็นบริษัทที่โตอย่างก้าวกระโดดจากการเทคโอเวอร์บริษัทอูเบอร์ในจีน เมื่อปี พ.ศ.2559 ปัจจุบัน นอกจากการนำผู้โดยสารไปยังที่หมายแล้วยังบริการส่งของต่างๆ อย่างบริการ GrabFood และ Line Man ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้สถาบันวิจัย BIS Research ประเมินว่าอนาคตอันใกล้ ตลาดของแมสกำลังเติบโตด้วยความเร่ง โดยปัจจัยสำคัญคือ ความสามารถในการสร้างแพลตฟอร์มการให้บริการยานพาหนะ และความสามารถในการให้บริการแบบ On Demand รวมถึงการสนับสนุนอย่างเหมาะสมโดยภาครัฐ
|
|