ดู: 633|ตอบกลับ: 1

เมื่อการมีที่ปรึกษาที่ไว้ใจช่วยทำให้ธุรกิจเราไปได้ไกลตามที่วางแผนไว้

[คัดลอกลิงก์]

ยังไม่ได้เช็คอิน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 12%

สมาชิก kulasang.net เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? สมัครสมาชิก

x
ptregis5.jpg


หากการวางแผนไว้อย่างเดียวแล้วยังทำให้ธุรกิจการค้ายังคงมีปัญหา และหาทางแก้ไขยังไม่ค่อยได้ เราควรปรับเปลี่ยนแผนใหม่ รวมไปถึงปรับกลยุทธ์และติดตามข่าวสารรอบโลก เพื่อรับข้อมูลให้มากขึ้น ศึกษาเรื่องราวใหม่ๆ ที่นำมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจของเรา ต้องมีความสงสัยและใส่ใจอยู่ตลอดเวลา เพราะเทรนด์ต่างๆนั้นหมุนไปอย่างรวดเร็ว ถ้าเราตามไม่ทันแล้วล่ะก็ เราอาจพลาดกลุ่มลูกค้าและวางแผนด้านการตลาดผิดพลาดเลยก็เป็นไปได้


ถ้าปัญหาเหล่านั้นจะลดน้อยลง หรือแทบจะหมดไป สิ่งที่เราควรมองหาคือ ที่ปรึกษาที่ดี ที่เข้าใจถึงกระบวนการของงานและธุรกิจของเรา รวมไปถึงให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาว่ามีส่วนไหนต้องมีการแก้ไข ปรับปรุงให้ดีขึ้น อีกทั้งที่ปรึกษาที่ดีนั้นจะมีความเป็นมืออาชีพสูงและมีประสบการณ์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นให้คำปรึกษาในเรื่องการทำธุรกิจระหว่างประเทศ เพื่อขยายและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ หรือจะทำ patent registration services ที่ทำให้ธุรกิจของเรามีระเบียบแบบแผนมากยิ่งขึ้น จากบทความที่น่าสนใจของเว็บไซต์ swinethailand แชร์ไว้ว่า ธุรกิจยุคใหม่ใครต้องปรับตัว ทุกวันนี้เราได้ยินคำว่า Disrupt หนาหูขึ้นเรื่อย  ๆ ซึ่งจุดเริ่มมันมาจากธุรกิจ Start-Up ของเด็กรุ่นใหม่ ที่ใช้จุดนี้แหละหาช่องโหว่ของตลาด แล้วเปลี่ยนจุดนั้นเป็นโอกาสแจ้งเกิดของธุรกิจ Start-Up ลองดูอย่างธุรกิจแท็กซี่ที่โดน Disrupt ไปเรียบร้อยด้วย Uber และ Grab เพราะอาศัยช่องที่ลูกค้ากับแท็กซี่ไม่โดนกัน แท็กซี่ชอบปฏิเสธลูกค้า Start-Up ก็ตี Pain Point อันนี้เป็นโอกาสธุรกิจได้ทันที ถ้าโอกาสนั้นไม่มีรายใหญ่ครองตลาดอยู่ ยิ่งเกิดง่าย เพราะอย่างแท็กซี่เห็นชัดๆ ว่า ไม่มีรายใหญ่ ..มันต่างกับ ตลาดเช่น ค้าปลีก หรือธุรกิจที่รายใหญ่ครองอันนั้นก็จะเกิดยากขึ้นเป็นทวีคูณ มาดูกันว่าธุรกิจไหนต้องเตรียมปรับตัว 1. ธุรกิจที่ใช้สินทรัพย์เยอะๆ - อนาคตมันจะมีการเช่ามาทดแทน การซื้อและลงทุนในสินทรัพย์ ทำให้ธุรกิจในอนาคตเริ่มง่ายเพราะทุนเริ่มต่ำ แต่เกิดและโตยาก เพราะคู่แข่งเขาก็เริ่มง่ายเหมือนกัน เป็น Low-Barrier to Entry Business 2. ธุรกิจที่พนักงานเยอะๆ - อนาคตธุรกิจจะจ้างคนลดลง แต่ Outsource งานไปให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านทำ เหลือเพียงจุดแข็งที่สุดของธุรกิจ เป็น Business LEGO Model 'ทุกธุรกิจเหมือนตัวต่อ LEGO ที่เชื่อมต่อกัน เปลี่ยนแปลง และปรับเปลี่ยนอย่างยืดหยุ่น รวดเร็ว' 3. ธุรกิจที่มี Fix Cost เยอะๆ จะเปลี่ยนเป็น Variable Cost ต้นทุนผันแปลตามงานที่เข้ามาแทน 4. ธุรกิจที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่จะพังลง - ธุรกิจในอนาคตจะทำงานแบบเครือข่าย ทำงานเป็นทีมขนาดเล็ก แถมเป็น Performance Base 'จ่ายตามผลงานจริงๆ' 5. Cloud Base - ธุรกิจในอนาคตจะใช้ระบบ Cloud เพื่อลดต้นทุนการทำธุรกิจ ดังนั้น online จะมาแทนหน้าร้านในฐานะ จุดติดต่อหลัก ส่วนร้านจริงๆ จะเป็นแค่ส่วนเสริม หรือเป็นแค่ Luxury 'หน้าร้านในอนาคต จะเป็นแค่สิ่งฟุ่มเฟือย เพื่อส่งเสริมการตลาดที่ใช้เพียงธุรกิจบางประเภทเท่านั้น เช่น Luxury Brand'








Dew
เช็คอินสะสม: 4710 วัน
เช็คอินต่อเนื่อง: 51 วัน

ความคืบหน้าการอัพเกรด: 48%

โพสต์ 2022-3-18 19:39:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Thank you very much.

ตอบกระทู้

สำหรับคนที่ขี้เกียจพิมพ์
คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อนที่จะตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รายละเอียดเครดิต

TOP